ช่วงล่างคือที่สุด ราคาคือจุดสลบ! ทดสอบ LEXUS NX450h + F SPORT




ดูเหมือนน้อย แต่จริงๆ แล้วเยอะ คำว่า ‘less is more’ กับ Lexus NX ใหม่ นั่นเป็นเพราะว่าการออกแบบพื้นผิวตัวถังภายนอกมีความยุ่งยากซับซ้อนน้อยกว่าเดิม งานดีไซน์เส้นสายที่ลงตัว โดยเฉพาะส่วนท้ายบริเวณเสา C ส่งผลให้ New NX เป็นรถที่สวยงามมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับรถเจนฯแรก Lexus ประสบความสำเร็จในการระบุตำแหน่งที่ชัดเจนของ NX ใหม่ มีการปรับปรุงเทคโนโลยีจากรถรุ่นก่อนอย่างเข้มข้น เพื่อทำให้รถรุ่นใหม่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม Lexus ทำได้ดีจากการสร้างรถยนต์ระดับพรีเมียม ด้วยแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีที่แชร์กับพี่ใหญ่อย่าง Toyota RAV4 การปรับจูนรายละเอียดองคาพยพของรถทำให้มันมีสมรรถนะตรงตามสเปกระบุ งานประกอบภายนอกภายในสุดประณีตเหมือนเช่นเคย ใช้งานสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการขับในเมืองเพียวๆ 60 กิโลเมตร โดยไม่ต้องใช้เครื่องยนต์ ระบบปลั๊กอินไฮบริด ศักยภาพใหม่ของแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งใช้งานได้ตามตัวเลขที่เคลมมา NX ใหม่ ยังรักษามาตรฐานของแบรนด์หัวลูกศร นั่นก็คือความผ่อนคลายในการขับ เป็นครอสโอเวอร์พลังงานผสมที่มีราคาแพง เทียบเคียงกับยานยนต์ระดับพรีเมียมจากแบรนด์เยอรมันอย่าง BMW X3 Mercedes-Benz GLC หรือแม้แต่ Audi Q5 ด้วยคุณภาพของการขับเคลื่อนและความดีงามของไดนามิก 

Lexus NX เจเนอเรชันที่สอง เป็นตัวแทนทัศนคติใหม่ในการผลิตรถยนต์ของแบรนด์ระดับพรีเมียมจากประเทศญี่ปุ่น นับเป็น Lexus รุ่นแรกที่ได้รับการพัฒนาภายใต้กลยุทธ์ใหม่ นำแบรนด์กลับสู่แนวทางที่ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อน บนความสะดวกสบายที่ปรับให้มากขึ้นกว่าเดิม และยังเป็น Lexus รุ่นแรกที่มาพร้อมกับขุมพลัง Plug-in Hybrid – เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ Lexus นำเสนอต่อจากรถรุ่นน้องที่ใช้ไฟฟ้าเพียวๆ อย่าง Lexus UX 300e

Lexus NX 450h+ Grand Luxury 3,590,000 บาท
Lexus NX 450h+ Premium 3,890,000 บาท 
Lexus NX 450h+ F Sport 4,320,000 บาท (คันทดสอบ)
รับประกันคุณภาพตัวรถนาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
รับประกันแบตเตอรี่ Hybrid นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง แถม Lexus Wallbox เครื่องชาร์จไฟฟ้า พร้อมบริการติดตั้ง มูลค่า 80,000 บาท

Lexus Exclusive Package

STANDARD : ฟรี ค่าแรง 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (+50,000 บาท)
PLUS : ฟรีค่าบำรุงรักษา ค่าแรง และ ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (ยกเว้นอะไหล่เสื่อมสภาพ) (+110,000 บาท)
PREMIUM : ฟรีค่าบำรุงรักษา ค่าแรง และ ค่าอะไหล่ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รวมอะไหล่เสื่อมสภาพ (+140,000 บาท)

รถที่มีความลู่ลม ประสิทธิภาพด้านอัตราสิ้นเปลืองและอัตราเร่งจะดีขึ้น แม้จะไม่มาก แต่มีความสำคัญ ในการที่จะทำให้รถรุ่นใหม่มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิมตามหลักการของการพัฒนา อากาศพลศาสตร์หรือแอโรไดนามิกของ NX นำเทคโนโลยีขั้นสูงมาช่วยควบคุมการไหลของอากาศ พูดง่ายๆก็คือ ส่วนหน้าที่ปะทะกับอากาศจะมีการปรับทิศทางของลม ทั้งบริเวณด้านหน้า ด้านข้าง ด้านหลัง รวมทั้งใต้ท้องรถ เพื่อสร้างเสถียรภาพของการขับขี่ที่ดี และเพื่อระบายความร้อนให้กับห้องเครื่องยนต์ กันชนหน้าออกแบบให้มีรูปทรงที่ส่งกระแสลมหมุนไปตามแนวยาวของตัวถังด้านข้าง เพื่อควบคุมการไหลของอากาศบริเวณด้านข้างให้เป็นระเบียบ ช่องรับอากาศด้านหน้าบริเวณกระจังหน้าใหญ่ขึ้น ซี่กระจังแบบใหม่คล้ายตัว U ที่ถูกนำมาเรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบ แตกต่างไปจาก RX ที่มีกระจังหน้าแบบโครงถักทำจากพลาสติกเกรดสูงซึ่งมีรูปแบบที่ซับซ้อนและล้างทำความสะอาดยากเอาเรื่อง ตัวถังส่วนบนสร้างลมหมุนที่รุนแรงแล้วไหลไปทางส่วนท้ายอากาศไปสู่ท้ายรถ เสาหน้าที่ลาดเอียงช่วยลดแรงต้านของกระแสอากาศ ครีบบริเวณกันชนหลังที่ช่วยลดลมหมุนที่ด้านหลังของล้อคู่หลัง ช่องเปิดเล็กๆบริเวณกันชนท้าย นอกจากจะสวยงามแปลกตาแล้ว ยังช่วยลดการกระเด้งขึ้น-ลงของสปริง มีการติดตั้งแผ่นปิดใต้ห้องเครื่องเพื่อทำให้กระแสลมไหลผ่านได้อย่างราบรื่น แอร์โรไดนามิกทั้งหมดนี้ ช่วยทำให้ NX ใหม่ มีความมั่นคงสูงเมื่อใช้ความเร็วบนไฮเวย์ เป็นครอสโอเวอร์กึ่งไฟฟ้าที่ควบคุมง่าย ท้ายรถนิ่งขึ้นมาก สามารถรักษาการวิ่งให้อยู่ในทางตรงได้อย่างง่ายดายแม้ขณะใช้ความเร็วสูง

กระจังหน้าแบบ Spindle Grille ซึ่งเป็นชุดกระจังดีไซน์ใหม่ของ New NX 2022 มีความแตกต่างจาก Lexus ทุกรุ่น จากความตั้งชันของกระจังหน้าและช่องอากาศ แต่ยังคงรักษาอัตลักษณ์ของแบรนด์ไม่ให้แปลกแยกและแตกต่างไปจากพี่น้องหัวลูกศรในรุ่นอื่นๆ ชุดไฟหน้าแบบใหม่ พร้อมระบบลดหรือยกไฟสูงอัตโนมัติ Adaptive LED มีการใช้วัสดุใหม่ ที่มีน้ำหนักเบา พร้อมช่องดักลมด้านล่างที่ช่วยระบายความร้อนให้กับระบบขับเคลื่อน นั่นก็คือ การระบายความร้อนให้กับ เครื่องยนต์ ชุดเกียร์ที่ติดตั้งอยู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า และตัวแปลงกระแสอินเวอร์เตอร์ กระจังหน้ายังใช้พลาสติกเกรดสูงสีดำเงา จัดวางรูปทรงที่คล้ายกับงานจักรสานหรือตาข่าย เรียงกันเป็นแพทเทิร์นที่สวยงาม กระจังหน้าของ NX F Sport ออกแบบให้มีรูปทรงที่เชื่อมโยงกับฝากระโปรงหน้าและแก้มด้านข้างได้อย่างลงตัว คุณจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหน้ากระจังที่ตั้งชัน 90 องศา ไม่โค้งทำมุมบริเวณกึ่งกลางเหมือนกระจังในรถรุ่นพี่อย่าง RX ไฟส่องสว่างด้านหน้าของ NX 450h+ รุ่นแพงสุด ถูกตัดขอบด้วยพลาสติกสีดำเงา ให้ความรู้สึกลุ่มลึก และยังช่วยเสริมมุมมองของ Daytime Running Lights รูปทรงตัว L ที่เป็นเอกลักษณ์ของยานยนต์ยุคใหม่จาก Lexus ชุดไฟหน้าแบบ 3-eye projector headlamp ไฟหน้าส่องสว่างแบบโปรเจคเตอร์สามตา พร้อมระบบอัตโนมัต มีกำลังในการส่องสว่างไกล 550 เมตร รวมถึงไฟส่องด้านข้างที่ทำงานตามองศาของพวงมาลัย ช่วยเปิดมุมมองด้านข้างในที่มืดขณะเลี้ยวอีกด้วย ชุดไฟท้ายรูปทรงตัว L ทอดยาวตลอดด้านหลังของฝาท้าย รวมทั้งไฟท้ายทรงตัว L ทั้งที่ด้านซ้ายและขวาของท้ายรถ เพิ่มความโดดเด่นทั้งกลางวันและกลางคืน สัญลักษณ์ชื่อ Lexus ที่ทอดยาวรับกับแนวไฟท้าย ดูโฉบเฉี่ยวและทันสมัย

มิติตัวถังของ Lexus new NX450h+ มีขนาดความยาว 4,660 มิลลิเมตร ยาวกว่า NX เจนแรกปี 2018 20 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร เป็นขนาดความกว้างที่พอดีกับสัดส่วนด้านหน้าและด้านข้าง และกว้างกว่า NX 2018 ถึง 20 มิลลิเมตร ขนาดความกว้างที่เพิ่มขึ้นช่วยทำให้พื้นที่ส่วนหน้าของห้องโดยสารใหญ่ขึ้นเล็กน้อย สำหรับความสูงของ new NX 2022 อยู่ที่ 1,640 มิลลิเมตร เตี้ยลงแค่ 5 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับความสูงของ NX รุ่นปี 2018 ซึ่งมีความาสูง 1,645 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,690 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 185 มิลลิเมตร สำหรับพื้นที่เก็บสัมภาระใต้ฝาท้ายมีความจุ 550 ลิตรเมื่อยังไม่พับเบาะหลัง และเมื่อพับเบาะหลังจะมีความจุเพิ่มเป็น 1,328 ลิตร น้ำหนักรวม 1,990 กิโลกรัม หนักเอาเรื่องจากขนาดที่ใหญ่ขึ้น รวมถึงน้ำหนักของระบบปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้แบตฯลูกใหญ่กว่าเดิม ความจุถังเชื้อเพลิง 55 ลิตร ล้ออัลลอยลายใหม่แบบทูโทนสีดำเงา ขอบ 20 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Bridgestone Alenza 001 ไซล์ 235/50R20 100Y

ฝาท้ายไฟฟ้าติดตั้งเซนเซอร์ที่สามารถใช้เท้าแหย่ (ให้ตรงกับตำแหน่งกึ่งกลางของแผ่นป้ายทะเบียนหลัง) บั้นท้ายสวยงามลงตัวจากไฟท้าย LED แบบใหม่ที่มีเส้นเชื่อมต่อทั้งสองฝั่งด้วยเส้นไฟ LED การออกแบบตามหลักการแอร์โรไดนามิกทำให้กระจกบังลมบานฝาท้ายมีขนาดที่เล็กลง กันชนหลังในรุ่น Premium ปิดคลุมส่วนหลังของรถเกือบทั้งหมด ตัวอักษร LEXUS อยู่บนสันกลางของขอบฝาท้าย ไฟเลี้ยวเล็กและใช้หลอด LED เพื่อความคมชัด ไฟท้ายและไฟเบรกเปิดมุมมองใหม่ของไฟท้ายในยานยนต์ครอสโอเวอร์จากแบรนด์หัวลูกศร พลาสติกกันกระแทกสีดำติดตั้งอยู่บริเวณชายล่างของกันชนหลังพร้อมแผ่นพลาสติกสะท้อนแสงมัลติรีเฟคเตอร์ ท่อระบายไอเสียถูกซ่อนอย่างมิดชิดตามสไตล์ของรถยนต์ Plug in Hybrid

ช่างทาคูมิของ Lexus ถูกฝึกฝนในห้องปฏิบัติการเฉพาะถึง 60,000 ชั่วโมง จากแนวคิดเรื่องช่างทาคุมิ ถูกบรรจุให้เป็นหนึ่งในปรัชญาที่คน Lexus ต้องยึดถืออย่างเคร่งครัด ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์เมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยช่างประกอบตัวถังทั้งภายนอกและภายใน ต้องได้รับการฝึกฝนไม่ต่ำกว่า 60,000 ชั่วโมง หรือหากเปรียบเทียบให้เห็นภาพ ก็คือต้องมีความเชี่ยวชาญในงานนั้นมาไม่ต่ำกว่า 30 ปี ถึงจะถูกขนานนามว่า ‘ทาคุมิ’ ได้ ส่วนเครื่องจักรพวกหุ่นยนต์ประกอบรถนั้น ถึงจะทันสมัยและแม่นยำขนาดไหน ก็สู้การประกอบและตัดเย็บด้วยมือมนุษย์ไม่ได้ เอกลักษณ์ของ Lexus คือ การสรรหาเทคนิคทางศิลปะ ที่เป็นภูมิปัญญาของคนญี่ปุ่น ผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรถ ซึ่งงานตกแต่งภายในที่ใช้การเย็บมือแบบนี้ต้องใช้เวลาและความประณีตสูง เป็นมาตรฐานที่แสดงออกถึงความใส่ใจ และหัวใจของยานยนต์ Lexsu ก็คือ ความพิถีพิถัน ในสิ่งที่จะทำให้เจ้าของรถ เกิดประสบการณ์ขับขี่ที่ประทับใจ

ห้องโดยสารของ NX รุ่น F Sport ถูกยกระดับให้มีความหรูหราของอุปกรณ์เหนือกว่ารุ่น Grand Luxury และ Premium พื้นที่ของเบาะคู่หน้า ทั้งพื้นที่วางเท้าและพื้นที่เหนือศีรษะกว้างพอฟัดพอเหวี่ยงกับ BMW X3 และกว้างกว่า Audi Q3 40TFSi พอสมควร ความกว้างที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกที่โปร่งโล่ง เบาะหนังสีดำสลับแดงในรุ่น F Sport เจาะรูพรุนสำหรับระบบปรับอากาศภายในตัวเบาะคู่หน้าที่เหมาะสมกับการใช้งานในประเทศไทย ในวันท่ีมีอากาศร้อนจัดเบาะที่มีระบบทำความเย็นช่วยปรับอุณหภูมิของเบาะให้พอดีไม่ร้อนจนนั่งไม่ได้ เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า เบาะคนขับมีหน่วยความจำบันทึกท่านั่งได้สามระดับ

สไตล์และธรรมเนียมเก่าแก่ของยานยนต์ Lexus ถูกนำมาใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของอุปกรณ์ให้ทันสมัย น่าใช้งานมากกว่าเดิม Lexus เลือกใช้วัสดุเกรดสูงสำหรับตกแต่งห้อง เบาะหนังในรุ่นสูงสุดใช้โทนสีแดงตัดสีดำแนวสปอร์ต หนังคุณภาพสูงมีความนุ่มนวลเวลานั่ง ภายในตัวเบาะที่มีท่อทางเดินของระบบปรับอากาศ มีการหนุนด้วยวัสดุนิ่ม โดยออกแบบให้เบาะโอบกระชับกับสรีระของคนขับ เบาะหลังมีช่องแอร์มาให้กับช่องชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกมือถือหรือ iPAD เบาะหลังออกแบบให้นั่งได้สามคนแต่ถ้าจะเอาแบบสบายตัว นั่งแค่สองคนก็พอแล้ว หลังคาที่ลาดลงไปในส่วนท้ายทำให้พื้นท่ีเหนือศีรษะของคนนั่งหลังมีไม่มากเท่าด้านหน้า แต่การวางเท้าและพื้นที่ด้านข้างนั้นมีให้อย่างพอเพียง ถ้าคนนั่งหน้าหรือคนขับตัวไม่สูงมากนัก ก็พอจะมีพื้นที่เหลือให้วางขาได้อย่างไม่อึดอัด

E-LATCH
นวัตกรรมการเปิดและปิดประตูรูปแบบใหม่ มีการออกแบบให้เข้าออกหรือจากรถได้ง่ายขึ้น เมื่อสัมผัสสวิตช์ประตู ทั้งจากภายนอกและภายในตัวรถ บานประตูก็จะเผยอออกโดยอัตโนมัติ ผลักหรือดึงประตูเบาๆในการเปิดหรือปิด

หน้าจอแสดงผลกลาง 14 นิ้ว ขนาดใหญ่ อ่านง่าย พร้อมฟังก์ชันหลากหลายไว้ในที่เดียว ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้อย่างเป็นธรรมชาติทั้งขนาด รูปร่าง ตำแหน่ง และองศาการวาง การแสดงผลข้อมูล รวมทั้งเมนูต่างๆ ภายในจอ นอกจากนั้นฟังก์ชันที่ใช้งานบ่อย เช่น เครื่องปรับอากาศและเครื่องเสียง มีสวิตช์ควบคุมแยกต่างหากอยู่นอกจอเพื่อให้ใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องเหลือบมอง มาตรวัดและรายละเอียดต่างๆ บนจอภาพ ถูกออกแบบมาให้อยู่ในตำแหน่งที่อ่านค่าได้ง่ายขณะขับขี่ ข้อมูลทั้งหมดแม่นยำเชื่อถือได้ จอแสดงผลระบบนำทางแบบต่อเนื่อง มีซอฟแวร์ใหม่ที่คอยคำนวณเวลาโดยประมาณที่จะไปถึงจุดหมาย รวมทั้งบอกสถานะของระบบช่วยขับ ระยะทางในการขับ แจ้งเตือนสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ซึ่งใช้งานได้ดีมากในการเลี่ยงรถติด ระบบนำทางแบบใหม่ยังสามารถกำหนดตำแหน่งของจุดหมายปลายทางแบบแยกย่อย สำหรับหน้าจอ Head-up display แบบสี แสดงข้อมูลหลักที่จำเป็นในการขับ หน้าจออยู่ในตำแหน่งที่พอดีกับระดับของสายตาที่สามารถปรับการแสดงผลให้พอดีกับสัดส่วนความสูงของคนขับที่แตกต่างกัน เพิ่มระยะการมองเห็นของผู้ขับและไม่รบกวนทัศนวิสัยภายนอกรถ และเลือกแสดงผลได้ 3 รูปแบบ

Steering switches linked to the color head-up display ควบคุมหน้าจอ Head-up display ผ่านสวิตช์บนพวงมาลัยที่ควบคุมโดยการสัมผัส เลือกการแสดงผลต่างๆ บนหน้าจอ Head-up display ได้ด้วยสวิตช์บนพวงมาลัย สั่งการระบบต่างๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่มีสะดุด โดยรักษาระดับสายตาอยู่ที่ด้านหน้ารถได้ตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องก้มลงมองที่มือ หากปิดจอ Head-up display ข้อมูลจะย้ายไปแสดงในมาตรวัดแทนข้อมูลจำเพาะ

ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร ทีมนักออกแบบของ Lexus ปรับปรุงห้องโดยสารแบบใหม่ใน New NX 450h+ มีการซ่อนไฟ LED ไว้ในตำแหน่งต่างๆ อย่างแยบยล เพื่อสร้างบรรยากาศภายในห้องโดยสาร ไม่ว่าจะเป็นไฟที่ส่องผ่านที่นั่งผู้ขับหรือไฟบนจอแสดงผลและปุ่มสตาร์ทรถ เลือกสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารได้แตกต่างกันถึง 14 ธีมสีที่สวยงามและนวลตา สามารถเลือกจากจอแสดงผลได้ 50 สี

ระบบความปลอดภัย Lexus Safety System+ 3.0
เป็นระบบความปลอดภัยมาตรฐานใน NX ใหม่ทุกรุ่น ซึ่งก็รวมถึงรุ่นปลั๊กอินไฮบริด อีกด้วย นอกเหนือจากคุณสมบัติด้านความปลอดภัยในปัจจุบันของ NX เช่น Road Sign Assist, ระบบ Pre-Collision, Lane Departure Alert พร้อมระบบช่วยบังคับเลี้ยว, ไฟสูงอัจฉริยะ และ Dynamic Radar Cruise Control แล้ว Lexus Safety System รุ่นใหม่ยังมีคุณสมบัติด้านความปลอดภัยขั้นสูงสี่ประการ

ระบบช่วยบังคับเลี้ยวฉุกเฉินเพื่อเลี่ยงความเสี่ยง จะเบรกเบา ๆ และบังคับรถเมื่อจำเป็น เพื่อให้รถอยู่ในเลนและหลีกเลี่ยงการชน การตรวจจับยานพาหนะที่กำลังตรงเข้ามา หรือเลี้ยว ระบบจะเตือนผู้ขับและช่วยเบรกหากผู้ขับกำลังจะเลี้ยวซ้ายที่ด้านหน้าของรถที่ขับมา การตรวจจับคนเดินเท้าด้านหน้าในเขตชุมชน แจ้งเตือนคนขับและใช้เบรกอัตโนมัติ หากคนขับเลี้ยวซ้ายหรือขวาตัดหน้าคนเดินถนนหรือนักปั่นจักรยานที่สวนมา Dynamic Radar Cruise Control พร้อม Curve Speed Management จัดการความเร็วของรถแม้ในโค้งเ มื่อคนขับเปิดใช้งานระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติระบบนี้จะทำหน้าที่ระแวดระวังเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

PRE-COLLISION SYSTEM
ช่วยป้องกันการชนและลดความรุนแรงจากการปะทะ โดยใช้เรดาร์พร้อมกล้องเซนเซอร์คอยตรวจหารถยนต์ที่อยู่ข้างหน้าหรือคนเดินถนน และประเมิณความเสี่ยงในการชน หากประเมิณว่าอาจเกิดการชนระบบจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับรวมทั้งช่วยเสริมแรงเบรกเมื่อผู้ขับเหยียบเบรก หรือหากผู้ขับเหยียบเบรคไม่ทันระบบจะช่วยเบรคให้เพื่อรักษาความปลอดภัยและลดความรุนแรงในการปะทะ

PANORAMIC VIEW MONITOR
เพื่อช่วยตรวจสอบพื้นที่โดยรอบรถที่ยากต่อการมองเห็นจากที่นั่งผู้ขับขี่ ระบบจะแสดงภาพมุมสูงของรถแบบเรียลไทม์บนหน้าจอสัมผัส EMV โดยใช้ภาพที่ประกอบขึ้นจากหลายส่วนที่ถ่ายโดยกล้องที่ติดตั้งในด้านหน้าและด้านข้าง และด้านหลังของรถ

PARKING SUPPORT BRAKE
เพิ่มความสะดวกและปลอดภัยขณะถอยออกจากที่จอดด้วยระบบช่วยเบรก PKSB ซึ่งจะตรวจหาวัตถุบริเวณท้ายรถ เช่นรถยนต์ที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ และจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับบนหน้าจอพร้อมเสียงเตือน และหากประเมิณว่าอาจเกิดการชนระบบจะควบคุมกำลังขับและแรงเบรกโดยอัตโนมัตตามที่จำเป็น เพื่อหลีกเลี่ยงการชนหรือลดความรุนแรงจากการปะทะ

LANE TRACING ASSIST
เมื่อเปิดใช้งาน ระบบจะช่วยรักษารถให้อยู่ในเส้นทางเพื่อความปลอดภัย โดยหากรถเริ่มเฉออกจากเลนหรือแนวถนน ระบบจะส่งสัญญาณเตือนผู้ขับและช่วยหน่วงพวงมาลัยเพื่อรักษาแนวการวิ่งของรถ

8 SRS AIRBAGS
ถุงลมนิรภัยที่ควบคุมด้วยระบบเซ็นเซอร์ 8 จุดรอบห้องโดยสาร ช่วยลดแรงกระแทกจากการชน

ADAPTIVE HIGH BEAM SYSTEM
เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ตอนกลางคืน โดยระบบจะคอยตรวจหาลำแสงจากไฟหน้าของรถที่แล่นสวนมา หรือลำแสงจากไฟท้ายของรถคันหน้า หรือแสงสว่างจากบริเวณโดยรอบ หากตรวจพบลำแสงต่างๆ ในรัศมีลำแสง ระบบจะเลือกดับไฟ LED เพื่อไม่ให้แสงไฟสูงส่องรบกวนรถคันหน้าหรือรถที่วิ่งสวนมา และจะเปิดไฟ LED ดวงนั้นๆ อีกครั้งเมื่อรถดังกล่าวเคลื่อนออกจากรัศมีลำแสงไฟสูง โดยทำงานได้อย่างรวดเร็วของตามสภาพการขับขี่จริง

DYNAMIC RADAR CRUISE CONTROL
นอกจากจะรักษาความเร็วในการวิ่งให้คงที่ดังเช่น Cruise Control ทั่วไปแล้ว Dynamic Radar Cruise Controlยังคอยตรวจหารถยนต์ที่ขับขี่อยู่ด้านหน้าและปรับแต่งความเร็วเพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสมจากคันหน้า โดยอาศัยเรดาร์ความละเอียดคลื่นระดับมิลลิเมตรร่วมกับกล้องเซนเซอร์ด้านหน้ารถ

ราคา 4,320,000 บาท ของ NX450h+ F Sport แพงระยับดับจิตกันเลยทีเดียว แต่ในความแพงนั้น คุณจะได้ประสิทธิภาพที่แตกต่างไปจากรถยุโรปในจุดของความสบายและไดนามิกที่ไม่แตกต่างไปจากพวกตราดาว สี่ห่วง หรือตราใบพัด NX ใหม่ สวยงามกว่าเดิม โดยเฉพาะเสาท้ายที่ออกแบบได้อย่างลงตัว มันมาพร้อมเรือนร่างที่ดูสปอร์ต จริงๆแล้วรุ่น F Sport ดูเป็นรถวัยรุ่นมากกว่าจะเป็นยานพาหนะของชายสูงวัยหรือหญิงวัยกลางคน ความหรูของห้องโดยสาร ช่วงล่างซึ่งเป็นที่มาของความนุ่มนวล นั่งขับหรือโดยสารได้อย่างสบายตัว ขอชมว่าปรับตั้งค่าการทำงานของโช้คและสปริง AVS Adaptive Variable Suspension ได้ดีมาก เหนือชั้นกว่ารถยุโรปคู่แข่งทั้งความสบายและการยึดเกาะ ถ้าไม่นับกันที่แรงบิด NX450h+  ทั้ง Premium ที่ผมเคยนำมาทดสอบเมื่อสองเดือนก่อน และ F Sport ที่ถือเป็นรถรุ่นสูงสุดของโมเดล NX ทั้งสองรุ่น ให้ความรู้สึกที่คล้ายกัน

NX Plug in Hybrid เป็นรถที่มีทั้งความหนึบและความนวล ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด ผสานพลังขับจากเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.5 ลิตร ที่มีประสิทธิภาพ ผนวกกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุสูง มอเตอร์ไฟฟ้าสองตำแหน่ง ตัวแรกช่วยเสริมแรงบิด ตัวที่สองทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์ ปั่นกระแสไฟฟ้าสำรองไปเก็บในแบตเตอรี่สำหรับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างสมรรถนะการขับ ในด้านอัตราเร่งและความเงียบ อันเป็นเอกลักษณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV เมื่อติดเครื่องยนต์และแบตเตอรี่มีกระแสไฟมากพอ NX 450h+ จะถูกตั้งค่าเริ่มต้นไว้ที่โหมดการขับแบบ EV แต่สามารถเลือกเปลี่ยนเป็นโหมด EV/HV ซึ่งผสมผสานระหว่างพลังงานไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ไฮบริดโดยอัตโนมัติ สามารถเปลี่ยนเป็นโหมด HV หรือเลือกใช้เครื่องยนต์ผสมผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบไฮบริด ด้วยการควบคุมที่สวิตช์เพียงปุ่มเดียว และแม้ขณะใช้พลังงานจากเครื่องยนต์ ระบบก็จะยังคงดึงพลังงานจากแบตเตอรี่ไฟฟ้ามาใช้เพื่อรักษารอบเครื่องยนต์ให้ต่ำ ลดเสียงรบกวนจากการทำงานของเครื่องยนต์ขณะเร่งความเร็ว

แหล่งพลังงานที่ทำให้ NX รุ่นเสียบปลั๊กชาร์จวิ่งได้ไกลประมาณ 60 กิโลเมตร (เครมมา 73 กิโลเมตร) โดยไม่ติดเครื่องยนต์ก็คือ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เซลล์แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ความจุสูงของระบบปลั๊กอินฯ ส่งผลให้แบตเตอรี่ ผลิตพลังงานรวมได้ถึง 18.1 กิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ขับด้วยระบบไฟฟ้าได้ระยะทางไกลพอสมควร รวมทั้งให้สมรรถนะด้านอัตราเร่งที่ดี ตัวแบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้พื้นห้องโดยสาร ช่วยดึงจุดศูนย์ถ่วงของรถให้ต่ำเพื่อความเสถียร NX450h+ F Sport ไม่ได้มีแรงบิดเท่ากับ BMW X3 xDRIVE 30e Plug in Hybrid ราคา 3,659,000 บาท หรือแม้แต่สายหล่อบ้าพลังอย่าง GLC300e Plug in Hybrid ราคา 3,749,000 บาท ทั้งสองรุ่นเป็นรุ่นท็อปสุดที่ขายในไทย แต่ก็ยังมีราคาถูกกว่ารุ่นท็อปสุดของ NX อย่าง NX450h+ F Sport ที่มีค่าตัวทะยานไปถึง 4,320,000 บาท

ระบบส่งกำลังของ NX450h+ F Sport วิศวกรของ Lexus ออกแบบเพลาส่งกำลังไฮบริด พัฒนามาเพื่อถ่ายเทแรงบิดของเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ตัวนี้โดยเฉพาะ โดยจะส่งกำลังขับจากเครื่องยนต์ ผ่านรางเกียร์ที่ปรับปรุงใหม่ มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่คอยเสริมแรง ทำให้ได้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ดี รวมทั้งความเงียบจากวัสดุป้องกันเสียง ลองวิ่ง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ห้องโดยสารอย่างเงียบ และจะเริ่มมีเสียงยางก็ต่อเมื่อวิ่งอยู่บนทางปูนเท่านั้น ถ้าวิ่งทางลาดยางถือว่าเงียบเอาเรื่อง เป็นรถที่เก็บเสียงได้ดีตามมาตรฐานของ Lexus สมรรถนะที่เร้าใจเมื่อใช้โหมด Sport + ระบบไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 4 นี้ มีกำลังจากเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง ความจุ 2.5 ลิตร พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบเกียร์ มีสมองกลที่คอยคุมคุมการทำงานให้ตอบสนองอย่างรวดเร็ว กำลังแรงบิดจากมอเตอร์ไฟฟ้าที่สอดประสานกับแรงบิดจากเครื่องยนต์ ผ่านเทคโนโลยีการควบคุมแหล่งพลังงานที่ล้ำสมัย ทำให้มันเป็นรถที่วิ่งได้อย่างเนียนตา แถมยังเร่งความเร็วได้ดีกว่า NX300h เจนแรกอย่างชัดเจน

Lexus NX450h+ F Sport ใช้แพลตฟอร์มเดียวกันกับ Toyota RAV4 เจนเนอเรชันที่ 5 แพลตฟอร์ม GA-K ทำให้ครอสโอเวอร์ทั้งสองรุ่น อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ระบบส่งกำลังปลั๊กอินไฮบริดให้กำลังสูงสุดเท่ากันที่ – 225 กิโลวัตต์ (306 แรงม้า) มีโหมดขับเคลื่อนให้เลือกสี่โหมด เช่น โหมด EV, ใช้มอเตอร์อย่างเดียว โหมด AUTO EV/HEV ผสมผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ โหมดชาร์จ ในโหมด EV ไม่มีการปล่อย CO2 ออกจากท่อไอเสียแม้แต่กรัมเดียว ในโหมด AUTO EV/HV รถยนต์จะเลือกโหมดการขับเคลื่อนโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็นแบบไฟฟ้าล้วนหรือแบบไฮบริด ขึ้นอยู่กับปริมาณไฟที่เหลืออยู่ในแบตเตอรี่ สภาพเส้นทาง ข้อมูลการยึดเกาะถนน และข้อมูลอื่นๆ ผ่านการตรวจจับของเซนเซอร์ในระบบขับเคลื่อน เทคโนโลยีการควบคุมแหล่งพลังงานในโหมด HV ระบบส่งกำลังจะใช้ทั้งน้ำมันเบนซินและกระแสไฟฟ้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ในโหมดชาร์จเอง เจนเนอเรเตอร์จะทำหน้าที่ชาร์จไฟโดยใช้กำลังของเครื่องยนต์

NX450h+ PHEV เป็นลูกพี่ลูกน้องทางเทคนิคของ RAV4 PHEV มีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 18.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ RAV4 PHEV สามารถเดินทางได้ไกลถึง 67 กิโลเมตร ในโหมด EV เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม แต่ช่วงการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าในโหมด EV ของ Lexus NX450h+ อยู่ที่ 59-62 กิโลเมตร (ขับจริงความเร็ว 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ที่ 59 กิโลเมตร) ส่วนอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งในและนอกเมือง ทำได้ 20.2 กิโลเมตรต่อลิตร ต่ำกว่า RAV4 PHEV ประมาณ 11%

ความธรรมดาสามัญอีกอย่างหนึ่งของครอสโอเวอร์หรูแบบปลั๊กอินไฮบริดคือ ความจุของที่ชาร์จในตัว เช่นเดียวกับ RAV4 PHEV ของ Toyota Lexus NX 450h+ มาพร้อมกับเครื่องชาร์จออนบอร์ดขนาด 3.3 กิโลวัตต์ เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในทำนองเดียวกัน มีตัวเลือกในการอัพเกรดเป็นเครื่องชาร์จออนบอร์ดขนาด 6.6 กิโลวัตต์ การชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม จะใช้เวลาประมาณ 4.5 ชั่วโมง ด้วยเครื่องชาร์จ 3.3 kW หรือประมาณ 2.5 ชั่วโมงด้วยเครื่องชาร์จ 6.6 kW สำหรับการเสียบชาร์จไฟบ้านโดยไม่ผ่าน Wall Box charger ใช้เวลา 8 ชั่วโมงจะได้ไฟมาเต็มแบตฯ 100% และวิ่งโดยไม่ต้องใช้น้ำมันไกล 60 กิโลเมตร 

ระบบปลั๊กอินไฮบริดของ NX450h+ 2022 ในโหมด EV ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ ช่วยให้ขับด้วยความเร็วสูงสุดจากมอเตอร์แต่เพียงอย่างเดียวเร็วถึง 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวโดยไม่พึ่งพาเครื่องยนต์ นั่นคือความเร็วสูงสุดในโหมด EV แต่ถ้ากดต่อเนื่อง ใช้ความเร็วสูงกว่า 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแบบลากกันยาวๆ ไฟในแบตฯที่ย่านความเร็วสูง จะค่อยๆลดลงจนสังเกตได้อย่างชัดเจน ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถปลั๊กอินหรือรถยนต์ไฟฟ้า NX เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.8 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พวงมาลัยไฟฟ้า ผ่องถ่ายน้ำหนักที่พอดิบพอดีกับความเร็วที่ใช้ ขับช้าพวงมาลัยจะแปรผันน้ำหนักให้เบาสบายมือ เมื่อขับเร็ว ระบบจะปรับหน่วงน้ำหนักเพิ่มขึ้น ผมลองใช้โหมด Sport + ลากยาวจากองคตไปยังเขาโจด แล้วขับบนเส้นทางภูเขา จนเกือบจะถึงอำเภอบ้านใต้ของอุทัยธานี ความสนุกเกิดจากไดนามิกที่ดี กำลังของระบบขับเคลื่อน และช่วงล่างที่โคตรจะสบายตัว เบาะของ Lexus นอกจากจะรองรับกับแผ่นหลังและก้นได้ดีแล้ว ยังมีระบบปรับอากาศอยู่ภายใน ปล่อยลมเย็นๆออกมาตามรูพรุนที่อยู่บนเบาะ ทำให้นั่งได้สบายและช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อขับทางไกล ช่วงล่างและพวงมาลัย กับแรงบิดที่ต่อเนื่อง ช่วยทำให้การควบคุม NX450h+บนเส้นทางภูเขามีความง่ายดายและผ่อนคลายเอามากๆ

ADAPTIVE VARIABLE SUSPENSION (AVS)
ช่วงล่างทั้งหน้าและหลังของรุ่น F SPORT เป็นแบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) ที่ดูดซับและสกัดกั้นการบิดตัวและแรงสั่นสะเทือนแม้เพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นขณะขับขี่ไม่ให้เข้ามาถึงห้องโดยสาร จึงให้การควบคุมที่เฉียบคมแม้อยู่ในเส้นทางขรุขระ PERFORMANCE DAMPERS โช้คอัพสมรรถนะสูง ทั้งคู่หน้าและหลังเพื่อเพิ่มความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างรถและผู้ขับ โช้คอัพดูดซับการบิดตัวของรถอย่างรวดเร็ว ช่วยลดการสั่นสะเทือนแม้ในระดับที่น้อยที่สุด ในจุดนี้ถือว่ารุ่น F Sport มีความเหนือชั้นกว่ารุ่น Grand Luxury และ Premium

Lexus NX450h + F Sport  แม้จะแพงจนสะดุ้ง แต่มันเป็นครอสโอเวอร์ขนาดกะทัดรัดที่ขับได้อย่างยอดเยี่ยม เมื่อมองที่ค่าตัว 4.3 ล้าน ราคากลับไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่กลายเป็นดัชนีชี้วัดความนิยม มันเป็นแค่เครื่องมือที่ใช้สำหรับการเดินทางที่แสดงให้เห็นถึงมูลค่าของเทคโนโลยีที่ประกอบขึ้นทั้งคัน เป็นราคาที่รวมระบบปลั๊กอินไฮบริดซึ่งถูกบรรจุเป็นครั้งแรกในยานยนต์ของแบรนด์หัวลูกศร เครื่องยนต์ไฮบริด เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 2.5 ลิตร ถูกปรับแต่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลัง ความหรูหราของอุปกรณ์ อัตราเร่งและการทรงตัว NX ใหม่ เป็นรถของคนที่ชอบความทันสมัยและแอบอิงแนวทางในการอนุรักษ์สภาพแวดล้อม ก่อนที่จะกลายไปเป็นยานยนต์พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกันขณะขับเคลื่อน ส่งผลไปถึงความประหยัด ตอบสนองต่อการเร่งความเร็วได้ดี จากการประสานกันของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังรวมทั้งระบบมากถึง 306 แรงม้า 0-100 ฉับไวทันใจใช้ได้ เครื่องและมอเตอร์ดึงขึ้นไปนิ่มๆ แต่นิ่งและเร็ว NX ยังเป็นรถที่เก็บเสียงได้ดีและต้องหวดกันถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ถึงจะเริ่มได้ยินเสียงยางและเสียงลมลอดเข้ามาเบาๆ ในจุดนี้ ถือว่าเก็บเสียงได้ดีกว่ารถยุโรปที่เป็นคู่แข่งก็แล้วกัน!  

ผมเปิดเครื่องเสียงฟังเพลงผ่าน USB ที่ดาวน์โหลดมาจากที่ทำงาน ตลอดระยะทางของการขับทดสอบอันเพลินเพลินตั้งแต่เช้าจดเย็นลากกันยันค่ำมืด ระยะทางทดสอบ ไปและกลับยาว 497 กิโลเมตร  มันเป็นรถ Crossover ที่มีเครื่องเสียงและลำโพงดีคันหนึ่งของวงการรถหรู เป็นชุดเครื่องเสียงที่ให้อารมณ์ในการฟังเพลงภายในห้องโดยสารระดับ First-class จากแบรนด์ Lexus ซึ่งให้ทั้งความคมชัดสมจริง พร้อมกับมิติของเสียงที่กระจายออกมาจากลำโพงอย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการคำนึงถึงจุดที่ใช้ติดตั้งกรวยลำโพงรอบๆ ห้องโดยสารที่จะสามารถขับกล่อมและสร้างความเพลิดเพลินขณะที่คุณขับออกทางไกล เส้นทางแถบ องคต-เขาโจด ไม่เหมาะกับการทำความเร็ว วิวทิวทัศน์แบบป่าฝนเขตร้อนที่อุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในเขตตะวันตก มีทางขึ้นลงเนิน โค้งยาวๆ และหุบเขาใหญ่น้อยสลับซับซ้อนเหมาะกับการขับรถเล่นหรือเอารถมาทดสอบ ถ้าคุณชอบความทันสมัย ความนิ่มนวลและสบายขณะขับเคลื่อน โดยไม่เกี่ยงเรื่องของราคา ยานยนต์ปฏิวัติอย่าง Lexus NX450h+ นับเป็นรถหรูขนาดกะทัดรัดที่น่าใช้มากเลยละครับ.

LEXUS NX450h + F SPORT
ประเภท 2.5-liter L-4 16-Valve, DOHC, Chain Drive (A25A-FXS)
ความจุกระบอกสูบ (ซีซี) 2,487
กำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 227 นิวตันเมตร ที่ 3,200 – 3,700 รอบต่อนาที
ระบบเชื้อเพลิง EFI (Electronicn Fuel Injection System)
ค่าอ๊อคเทนน้ำมัน 95 or Higher (E10)

มอเตอร์
มอเตอร์หน้า
ประเภท Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด 134 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร
มอเตอร์หลัง
ประเภท Permanent Magnet Synchronous Motor
กำลังสูงสุด 40 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุด 121 นิวตันเมตร
กำลังรวมทั้งระบบ 304 แรงม้า

แบตเตอรี่
ประเภท Lithium-ion Battery
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 355.2 โวล์ต
จำนวนเซล์แบตเตอรี่ 96 เซลล์

ระบบ Plug-in ไฮบริด
การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 87 กิโลเมตร/การชาร์จ (NEDC Standard)
ช่องหัวชาร์จแบบกระแสสลับ Type 2 แบบ 6.6 กิโลวัตต์
สายชาร์จแบบกระแสสลับ Type 2 ยาว 7.5 เมตร
ระยะเวลาในการชาร์จแบบเต็ม ที่กำลังไฟ 32 แอมป์ (ชั่วโมง) Approx. 2 hrs 30 mins

โครงสร้างรถ
ระบบรองรับหน้า MacPherson strut (Front/หน้า)
ระบบรองรับหลัง Double Wishbone (Rear/หลัง)
ระบบส่งกำลัง E-CVT
ระบบขับเคลื่อน All-wheel Drive (AWD)
ระบบบังคับเลี้ยว EPS (Electric Power Steering)
ระบบเบรค (หน้า) Ventilated Disc
ระบบเบรค (หลัง)
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.8 เมตร
ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ยาง 235/50R20 SM EMT 7.5J

มิติและน้ำหนักรถ
ความยาวโดยรวม 4,660 มิลลิเมตร
ความกว้างโดยรวม 1,865 มิลลิเมตร
ความสูงโดยรวม 1,670 มิลลิเมตร
ความยาวฐานล้อหน้า-หลัง 2,690 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อ (หน้า) 1,605 มิลลิเมตร
ความกว้างฐานล้อ (หลัง) 1,629 มิลลิเมตร
น้ำหนักตัวถังรถ 1,990-2050 กิโลกรัม
น้ำหนักรถสุทธิ 2,540 กิโลกรัม

สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0 – 100 กม/ชม 6.3 วินาที
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 76.9 กิโลเมตร/ลิตร
ค่าเฉลี่ยมลพิษ CO2 29 กรัม/กิโลเมตร
มาตรฐานการปล่อยมลพิษ EURO 4

อุปกรณ์ภายนอก
ชุดแต่งแบบ F-Sport 
กระจกหน้าตัดแสง UV แบบซับเสียง
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหน้าแบบซับเสียงและกันน้ำเกาะ
กระจกตัดแสง UX สำหรับประตูรถด้านหน้าส่วนมุม
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหลัง
กระจกหน้าตัดแสง UV แบบซับเสียง
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหน้าแบบซับเสียงและกันน้ำเกาะ
กระจกตัดแสง UX สำหรับประตูรถด้านหน้าส่วนมุม
กระจกตัดแสง UV สำหรับประตูรถด้านหลัง
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า With PVM & IR
ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
หลังคามูนรูฟ 
ราวหลังคา 

ระบบไฟส่องสว่าง
ไฟส่องสว่างด้านหน้า 3-LED
ไฟหน้าแบบปรับองศาการส่องสว่างในมุมต่ำ พร้อมระบบปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ
ระบบทำความสะอาดไฟหน้า
ไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน
ไฟตัดหมอกหน้า
ไฟส่องมุมหน้ารถ
ระบบปรับองศาของไฟส่องสว่างอัจฉริยะ

อุปกรณ์ภายใน
ชุดแต่ง F Sport เบาะและพวงมาลัย
มาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล 8-inch
หน้าจออัจฉริยะ HUD
พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์
หัวเกียร์แบบหุ้มหนัง
กระจกแต่งหน้าพร้อมไฟส่องสว่าง (ที่นั่งตอนหน้า)
ช่องเก็บของคอนโซลด้านหน้าพร้อมช่องเชื่อมต่อ USB-C, USB-A และ DC-12 V
ช่องเก็บของคอนโซลกลางและช่องเชื่อมต่อ USB-C ด้านหลัง & DC-12 V
ระบบไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร Multi Color
ระบบปรับอากาศพร้อมปุ่มควบคุมอุณหภูมิแบบแยกอิสระสำหรับที่นั่งตอนหน้าและระบบกรองอากาศ With Humid Sensor
ระบบ Nano-e 
วัสดุหุ้มเบาะ Smooth Leather
ระบบเบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง 
ระบบเบาะดันหลังสำหรับที่นั่งคนขับ 4-way
ปุ่มบันทึกตำแหน่งเบาะ 3 ตำแหน่ง (สำหรับที่นั่งคนขับ) 
เบาะนั่งพร้อมระบบปรับอากาศ (เบาะคู่หน้า) 
เบาะหลังแบบปรับพับแยก 60:40 O
ลายประดับตกแต่งภายในห้องโดยสาร Dark Spin Aluminum

ระบบการทำงาน
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับระดับ 4 ทิศทาง
ปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย Touch Switch
ระบบปัดน้ำฝนด้านหน้าแบบอัตโนมัติ
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Alll-Speed Adaptive
ปุ่มปรับเลือกรูปแบบการขับขี่
ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ
กุญแจแบบการ์ด
จอแสดงผลการสั่งงานแบบ EMV แบบสัมผัส 14-inch
ระบบแผนที่นำทาง
ระบบเชื่อมต่อไร้สาย
ระบบเปิด-ปิดฝากระโปรงหลังด้วยไฟฟ้า
ระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย
ระบบเครื่องเสียง 10-Speaker
ระบบ Apple Car Play แบบไร้สาย

ระบบความปลอดภัย
ระบบประตูนิรภัยอัจฉริยะ (E-Latch)
ระบบเสริมแรงเบรคขณะเข้าโค้ง (ACA)
ระบบควบคุมการทรงตัวของรถ (VSC)
ระบบป้องกันการลื่นไถล (TRC)
ระบบเบรคแบบป้องกันล้อล็อค (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรคไฟฟ้า (EBD)
ระบบช่วยเบรค (BA)
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
กระจกมองหลังและกระจกข้างตัดแสงอัตโนมัติ Digital
ระบบช่วยจอด with Auto Parking Assist
ระบบช่วยเบรกขณะถอยจอด
จอแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอดพร้อมกล้องมองหลัง Panoramic View
ระบบเตือนแรงดันลมยาง
ระบบป้องกันก่อนการชน
ระบบติดตามช่องทางวิ่ง
ระบบช่วยเปลี่ยนเลน พร้อมสัญญาณเตือนมุมอับสายตา
สัญญาณเตือนด้านท้าย ขณะถอยหลัง
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS (สำหรับที่นั่งคนขับ)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS (สำหรับผู้โดยสารตอนหน้า)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS บริเวณหัวเข่า(สำหรับที่นั่งคนขับ)
ถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง(สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
ม่านถุงลมเสริมความปลอดภัย SRS ด้านข้าง
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและลดแรงกระชาก(สำหรับที่นั่งตอนหน้า)
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับ (สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
แท่นยึดสำหรับติดตั้งที่นั่งเด็กแบบ ISO FIX (สำหรับที่นั่งตอนหลัง)
ระบบป้องกันการโจรกรรมพร้อมสัญญาณเตือนอัตโนมัติ

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/