เศรษฐกิจไทยซบ! สหพัฒน์เตือนกำลังซื้ออ่อนแรง จับมือ 16 ดีลใหญ่แก้เกม

เศรษฐกิจไทยเข้าตาจน! สหพัฒน์ชี้กำลังซื้อหดตัวหนัก ยังไร้แสงสว่าง
กรุงเทพฯ – กลุ่มสหพัฒนภัณฑ์ออกมาเตือนสัญญาณอันตรายของเศรษฐกิจไทย โดยระบุว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง และยังไม่เห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนในระยะใกล้ ส่งผลกระทบต่อภาพรวมธุรกิจโดยรวม
สภาพคล่องคือหัวใจสำคัญ
นายบรรณรงค์ ร่วมฉวี ผู้บริหารระดับสูงของสหพัฒนภัณฑ์ กล่าวว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ บริษัทฯ ได้เร่งรักษาสภาพคล่องทางการเงิน และเพิ่มปริมาณเงินสดสำรอง เพื่อรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
ผนึกกำลัง 16 ดีลใหญ่ สร้างโอกาสใหม่
เพื่อรับมือกับความท้าทายนี้ สหพัฒนภัณฑ์กำลังเดินหน้าเจรจาและจับมือกับพันธมิตรใน 16 ดีลใหญ่ ครอบคลุมทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายตลาด สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
รายละเอียด 16 ดีลสำคัญ
- ขยายตลาดในภูมิภาคอาเซียน: มุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
- พัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค: สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่ (Gen Z และ Millennials)
- ลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม: เร่งลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ลดต้นทุน และสร้างความแตกต่าง
- เสริมความแข็งแกร่งในธุรกิจหลัก: เสริมสร้างความแข็งแกร่งในธุรกิจหลักของกลุ่ม เช่น อาหาร เครื่องใช้ในบ้าน และบรรจุภัณฑ์
- แสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่: เปิดโอกาสในการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด
สัญญาณเตือนภัยที่ต้องจับตา
สหพัฒนภัณฑ์มองว่าปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ได้แก่ ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ความผันผวนของค่าเงินบาท และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงมีความมั่นใจในศักยภาพของเศรษฐกิจไทย และพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้น
อนาคตเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร?
การเดินหน้า 16 ดีลใหญ่ของสหพัฒนภัณฑ์ ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก คำถามสำคัญคือ ดีลเหล่านี้จะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้หรือไม่?