โต้กลับเดือด! ผู้แทนไทยจวก 'มาลี' ใส่ร้ายไทยบินโดรนรุกเขมร ยันมีเทคโนโลยีทันสมัยพร้อมรับมือ
ประเด็นร้อน! ผู้แทนไทยโต้กลับกรณีถูกกล่าวหาเรื่องโดรนรุกเขมร
เกิดความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาอีกครั้ง เมื่อนางมาลี โชดชัก ผู้แทนกัมพูชา กล่าวหาว่าประเทศไทยใช้โดรนบินรุกล้ำเข้ามาในน่านฟ้ากัมพูชา ล่าสุด นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ สส.พรรคเพื่อไทย ได้ออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหานี้อย่างแข็งกร้าว โดยระบุว่านางมาลีมีการโกหกได้อย่างหน้าด้านชาตรี และพบว่าโดรนที่บินรุกล้ำนั้นเป็นของกัมพูชาเอง แต่กลับยังคงใส่ร้ายว่าเป็นของไทย
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ
นายจิรายุได้เปิดเผยว่า มีรายงานการพบเห็นโดรนของกัมพูชาบินเข้ามาในน่านฟ้าไทยจริง แต่กลับถูกนำไปบิดเบือนและกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของไทย ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมและสร้างความเข้าใจผิดให้กับสาธารณชน
กองทัพไทยเตรียมพร้อมรับมือ
พล.ต.นฤพล อารักษ์ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันชายแดนภาคที่ 2 ได้ออกคำสั่งไปยังหน่วยงานใน 20 จังหวัดชายแดน ให้สามารถจัดการกับโดรนที่บินเข้ามาในน่านฟ้าไทยได้อย่างเต็มที่ โดยเน้นย้ำว่ากองทัพไทยมีความพร้อมและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการตรวจจับและป้องกันการรุกล้ำจากโดรน
เทคโนโลยีที่ไทยมี
แหล่งข่าวจากกองทัพระบุว่า ไทยมีเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับและติดตามโดรนได้อย่างแม่นยำ รวมถึงมีระบบต่อต้านโดรนที่สามารถทำลายหรือควบคุมโดรนที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ กองทัพไทยกำลังพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความมั่นคงและป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้โดรนโดยไม่ได้รับอนุญาต
ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
สถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชานับตั้งแต่เกิดความขัดแย้งเรื่องปราสาทพระวิหารยังคงมีความละเอียดอ่อน การกล่าวหาเรื่องโดรนครั้งนี้ยิ่งเพิ่มความตึงเครียด และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังในการสื่อสารและแก้ไขปัญหา เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดและการปะทะกันที่อาจเกิดขึ้น
บทสรุป
การโต้กลับของนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และความพร้อมของกองทัพไทยในการรับมือกับโดรนที่บินเข้ามาในน่านฟ้า แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ อย่างไรก็ตาม การแก้ไขปัญหาความสัมพันธ์กับกัมพูชาจำเป็นต้องอาศัยความรอบคอบและการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองฝ่าย
