ระวัง! 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI อาจล้มเหลวใน 2 ปี ตามคำเตือนจาก Gartner

Gartner เผยสัญญาณเตือน: โปรเจกต์ Agentic AI มีโอกาสล้มเหลวสูงถึง 40% ภายใน 2 ปี
Gartner บริษัทวิจัยชั้นนำด้านเทคโนโลยี ได้ออกมาเตือนถึงความเสี่ยงที่สูงในการนำ Agentic AI มาใช้งานจริง โดยคาดการณ์ว่าภายในอีก 2 ปีข้างหน้า มากกว่า 40% ของโปรเจกต์ Agentic AI จะถูกยกเลิกหรือล้มเหลว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ผู้บริหารและนักพัฒนาควรให้ความสำคัญ
ทำไม Agentic AI ถึงมีโอกาสล้มเหลวสูง?
Gartner ชี้แจงถึงสาเหตุหลักที่ทำให้โปรเจกต์ Agentic AI มีแนวโน้มที่จะไม่ประสบความสำเร็จ ได้แก่:
- ต้นทุนที่สูงเกินไป: การพัฒนาและบำรุงรักษา Agentic AI ต้องการทรัพยากรจำนวนมาก ทั้งในด้านบุคลากร, ฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์ ซึ่งอาจเกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้
- คุณค่าทางธุรกิจที่ไม่ชัดเจน: หลายองค์กรยังไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่า Agentic AI จะสร้างผลตอบแทนบนการลงทุน (ROI) อย่างไร หรือจะช่วยแก้ปัญหาทางธุรกิจได้อย่างไร ทำให้ขาดแรงจูงใจในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
- การควบคุมความเสี่ยงที่ไม่เพียงพอ: Agentic AI มีความซับซ้อนและคาดเดาได้ยาก การขาดการควบคุมและกำกับดูแลที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ และความเสี่ยงด้านจริยธรรมและกฎหมาย
Agentic AI คืออะไร?
สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคย Agentic AI คือรูปแบบของ AI ที่มีความสามารถในการตัดสินใจและดำเนินการต่างๆ ได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยการแทรกแซงจากมนุษย์มากนัก เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจหลายอุตสาหกรรม แต่ก็มาพร้อมกับความท้าทายที่ต้องเผชิญ
ข้อเสนอแนะสำหรับองค์กรที่ต้องการนำ Agentic AI มาใช้งาน
Gartner แนะนำให้องค์กรที่สนใจนำ Agentic AI มาใช้งาน ควร:
- เริ่มต้นจากโครงการขนาดเล็ก: ทดลองใช้งาน Agentic AI ในโครงการขนาดเล็กก่อน เพื่อเรียนรู้และประเมินผลกระทบ
- กำหนดเป้าหมายทางธุรกิจที่ชัดเจน: ระบุปัญหาทางธุรกิจที่ Agentic AI สามารถช่วยแก้ไขได้อย่างชัดเจน และวัดผลลัพธ์ที่คาดหวังได้
- ให้ความสำคัญกับการควบคุมความเสี่ยง: สร้างกรอบการทำงานที่ชัดเจนสำหรับการควบคุมและกำกับดูแล Agentic AI
- ลงทุนในการพัฒนาทักษะของบุคลากร: เตรียมความพร้อมบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถในการทำงานร่วมกับ Agentic AI
สรุป
Agentic AI เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่ต้องระมัดระวัง องค์กรที่สามารถวางแผนและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม จะสามารถปลดล็อกศักยภาพของ Agentic AI และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้อย่างยั่งยืน