แบงก์ชาติชี้คริปโต-สเตเบิลคอยน์ยังไม่ใช่เงินที่แท้จริง: เศรษฐพุฒิเผยวิสัยทัศน์ที่เวทีโลก
เศรษฐพุฒิ สุทินธราทิตย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่เวที Central Banking Summer Meetings ณ กรุงลอนดอน โดยหยิบยกประเด็นสำคัญเกี่ยวกับ “คริปโตเคอร์เรนซี” และ “สเตเบิลคอยน์” ขึ้นมากล่าวถึงมุมมองของ ธปท. อย่างชัดเจน
ผู้ว่าการ ธปท. ชี้ให้เห็นว่า คริปโตเคอร์เรนซีและสเตเบิลคอยน์ยังไม่ครบถ้วนตาม “3 องค์ประกอบหลักของเงิน” ซึ่งประกอบด้วย:
- สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน (Medium of Exchange): การที่สินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการซื้อขายสินค้าและบริการในชีวิตประจำวัน
- หน่วยวัดมูลค่า (Unit of Account): การที่มูลค่าของคริปโตเคอร์เรนซีมีความผันผวนสูง ทำให้ไม่สามารถใช้เป็นหน่วยวัดมูลค่าที่เสถียรได้
- แหล่งเก็บรักษามูลค่า (Store of Value): ความผันผวนของราคาที่สูงยังทำให้คริปโตเคอร์เรนซีไม่เหมาะที่จะใช้เป็นแหล่งเก็บรักษามูลค่าในระยะยาว
นอกจากนี้ ผู้ว่าการยังเน้นย้ำว่า “เงิน” ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด หรือเงินฝากดิจิทัล ล้วนต้องอยู่ภายใต้ระบบการเงินที่ได้รับการกำกับดูแลและควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนและระบบการเงินโดยรวม
มุมมองของ ธปท. ต่อคริปโตเคอร์เรนซีและสเตเบิลคอยน์ จึงเป็นการมองในแง่ของสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง และยังไม่สามารถทดแทนบทบาทของเงินที่แท้จริงได้ อย่างไรก็ตาม ธปท. ก็ไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยีบล็อกเชนที่อยู่เบื้องหลังคริปโตเคอร์เรนซี แต่กำลังศึกษาและพัฒนาระบบการเงินดิจิทัลของไทย (Digital Baht) เพื่อให้สอดคล้องกับยุคสมัยและตอบสนองความต้องการของประชาชน
การแสดงวิสัยทัศน์ของ ผู้ว่าการ ธปท. ในเวทีระดับโลกครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการพัฒนาระบบการเงินที่ทันสมัยและปลอดภัย ควบคู่ไปกับการตระหนักถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากสินทรัพย์ดิจิทัล
ประเด็นสำคัญที่ควรติดตาม:
- การพัฒนา Digital Baht ของประเทศไทย
- การกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซีและสเตเบิลคอยน์ในอนาคต
- ผลกระทบของเทคโนโลยีบล็อกเชนต่อระบบการเงินไทย