ข่าวดี! กฎหมายใหม่ครอบคลุมธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ผู้บริโภคได้ประโยชน์
ธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้าข่ายกฎหมายสถาบันการเงิน!
ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่พระราชกฤษฎีกาสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ โดยกำหนดให้ธุรกิจเหล่านี้อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 (มีผลบังคับใช้ปี 2568)
ทำไมต้องมีกฎหมายนี้?
ก่อนหน้านี้ ธุรกิจเช่าซื้อและลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างเต็มที่ ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความโปร่งใส การคุ้มครองผู้บริโภค และความเสี่ยงด้านการเงินที่อาจเกิดขึ้น กฎหมายฉบับนี้จึงถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความมั่นคงและความน่าเชื่อถือให้กับภาคธุรกิจนี้
กฎหมายใหม่นี้มีผลอย่างไร?
- การกำกับดูแลที่เข้มงวดขึ้น: ธปท. จะมีอำนาจในการกำกับดูแลธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเหล่านี้ดำเนินงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนด
- การคุ้มครองผู้บริโภคที่ดียิ่งขึ้น: กฎหมายใหม่นี้จะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับการคุ้มครองที่เข้มแข็งขึ้น เช่น การเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจน การกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม และการแก้ไขข้อพิพาทที่เป็นธรรม
- ความมั่นคงทางการเงินที่สูงขึ้น: การที่ธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. จะช่วยลดความเสี่ยงด้านการเงินที่อาจเกิดขึ้น และสร้างความมั่นคงให้กับระบบการเงินโดยรวม
ใครจะได้ประโยชน์จากกฎหมายนี้?
- ผู้บริโภค: ได้รับการคุ้มครองที่เข้มแข็งขึ้น และมีความมั่นใจในการทำสัญญาเช่าซื้อ-ลีสซิ่งมากขึ้น
- ธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์: ได้รับการกำกับดูแลที่เป็นระบบ และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ
- ระบบการเงินโดยรวม: มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ต้องจับตาต่อไป
หลังจากมีผลบังคับใช้ กฎหมายฉบับนี้จะมีการบังคับใช้และกำกับดูแลอย่างเข้มงวดจาก ธปท. ผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อ-ลีสซิ่งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ จะต้องปรับตัวให้เข้ากับกฎเกณฑ์ใหม่ เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างยั่งยืน และผู้บริโภคก็ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจสิทธิของตนเองก่อนทำสัญญาเช่าซื้อ-ลีสซิ่ง