SR-72 DARKSTAR เจาะเครื่องบินจารกรรมและสอดแนมรุ่นใหม่ล่าสุดในหนัง TOP GUN MAVERICK




Darkstar ที่เป็นความลับในจินตนาการ จากภาพยนตร์ภาคต่อของ Top Gun: Maverick ซึ่งเข้าฉายในวันที่ 25 พฤษภาคม อาจดูสมจริงมากกว่าที่เราคิดไว้ก่อนหน้านี้มาก James Taiclet ประธาน และซีอีโอของ Lockheed Martin Corporation ยืนยันว่า แผนกพัฒนาโครงการอากาศยานขั้นสูงในตำนานอย่าง SR71 ของ Skunk Works มีการทำงานร่วมกับผู้ผลิตภาพยนตร์ ด้วยการออกแบบและสร้างเครื่องบินล่องหนความเร็วเหนือเสียงไฮเปอร์โซนิก สำหรับอัตราความเร็วไฮเปอร์โซนิก หรืออัตราเร็วเหนือเสียงขั้นสูง เป็นหนึ่งในอัตราความเร็วที่เหนือกว่าความเร็วเสียงหลายเท่า ถูกใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 1970 เป็นต้นมา โดยเป็นคำที่ได้รับการสันนิษฐานว่า เพื่อที่จะอ้างถึงความเร็วในระดับมัค 5 หรือเร็วกว่านั้น

War Zone ติดต่อ Skunk Works โดยตรงเกี่ยวกับการทำงานร่วมกันในหนัง Top Gun หลังจากการแสดงหนังตัวอย่างรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่โรงละคร Lowry Theatre ของ Naval Air Station North Island ในกองทัพเรือสหรัฐฯ ที่เมืองซานดิเอโก มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ในสัปดาห์ที่ผ่านมา Taiclet กล่าวว่า วิศวกรของทีม Skunk Works ได้ “ร่วมมือกับผู้ผลิตภาพยนตร์ Top Gun เพื่อนำเทคโนโลยีล้ำสมัยแห่งอนาคตมาสู่จอภาพยนตร์” ก่อนที่จะอ้างถึง “งานที่สำคัญในการบินที่มีความเร็วเหนือเสียงมากกว่า 5 เท่า”  John Neilson ผู้บริหารของ Lockheed Martin ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารสำหรับยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ซึ่งพูดถึงกระแสข่าวลือว่า เครื่องบินเจ็ตไฮเปอร์โซนิกที่สวมบทบาทในหนังภาคต่อ Top Gun นี้ อาจแสดงให้เห็นถึง เครื่องบินจารกรรม Lockheed Martin SR-72 ซึ่งเป็นเครื่องรุ่นต่อยอดของ SR-71 Blackbird! 

รูปทรงของอากาศยานความเร็วเหนือเสียง Darkstar ช่วยอธิบายโครงร่างของเครื่องบินจารกรรมในอนาคต ซึ่งทำให้นึกถึงภาพจำลองของเครื่องบินไอพ่นความเร็วเหนือเสียงในอดีตอย่าง SR-71 ที่ถูกปรับปรุงให้เป็นเครื่องบินต้นแบบแนวคิด SR-72 เรียกได้ว่าเป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณที่มีศักยภาพสูงกว่า SR-71 Blackbird ในตำนาน Lockheed Martin SR-72 เป็นเครื่องบินที่มีความเร็วกว่า 6 เท่า ของความเร็วเสียง (6,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ใช้งานด้านการหาข่าวกรอง การเฝ้าระวัง และการลาดตระเวน (ISR) ถ่ายภาพเป้าหมายจากระยะสูงที่ยากต่อการตรวจจับ ตลอดจนภารกิจสกัดกั้นและโจมตี

รายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันเกี่ยวกับ SR-72 ย้อนหลังไปถึงปี 2007 เมื่อแหล่งข่าวต่างๆ เปิดเผยว่า Lockheed Martin กำลังพัฒนาเครื่องบินที่สามารถบินได้เร็วกว่าเสียงถึงหกเท่า หรือ Mach 6 (4,000 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือ 6,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 3,500 kn) สำหรับใช้งานในกองทัพอากาศสหรัฐฯ งานพัฒนาของ Lockheed Martin Skunk Works บน SR-72 ได้รับการตีพิมพ์ครั้งแรกโดย Aviation Week & Space Technology เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2013 ความสนใจของสาธารณชนต่อข่าวดังกล่าว ทำให้ Darkstar กลับมาปรากฏร่างอีกครั้งใน Top Gun II 

เพื่อให้บรรลุความเร็วเหนือเสียงระดับไฮเปอร์โซนิก Lockheed Martin ร่วมมือกับ Aerojet Rocketdyne ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 เพื่อพิจารณาเครื่องยนต์ที่มีความเหมาะสม โดยพัฒนา HTV-3X ที่ขับเคลื่อนด้วย scramjet ซึ่งถูกยกเลิกไปในปี 2008 สำหรับ SR-72 ถูกจินตนาการด้วยระบบขับเคลื่อนไฮเปอร์โซนิกที่หายใจด้วยอากาศ ซึ่งมีความสามารถในการเร่งความเร็วจากหยุดนิ่งถึงมัค 6 โดยใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกัน ทำให้ Darkstar เร็วกว่า SR-71 ประมาณสองเท่า ความท้าทายทางวิศวกรรมก็คือ การออกแบบเครื่องยนต์ให้ครอบคลุมระบบการบินด้วยความเร็วขั้นยิ่งยวด การใช้กำลังอัดแบบเทอร์ไบน์ เครื่องยนต์เทอร์โบเจ็ตสามารถทำงานที่ความเร็วต่ำและมักจะทำงานได้ดีที่สุดที่มัค 2.2 ส่วนเครื่องยนต์ Ramjets ใช้การบีบอัดอากาศตามหลักอากาศพลศาสตร์ ด้วยการเผาไหม้ที่ทำงานได้ไม่ดีนักภายใต้สภาวะ Mach 0.5 หรือที่ความเร็วต่ำ แต่จะมีประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อความเร็วทะยานผ่าน Mach 3 (3,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) และสามารถเร่งความเร็วอย่างต่อเนื่องไปถึงประมาณ Mach 6 (6,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษของ SR-71 ได้แปลงเป็น ramjets ความเร็วต่ำ โดยเปลี่ยนทิศทางกระแสลมไปรอบๆ แกนกลางและเข้าไปใน Afterburner สำหรับความเร็วที่สูงกว่ามัค 2.5 สุดท้าย scramjets ที่มีการเผาไหม้เหนือเสียงครอบคลุมช่วงความเร็วต่ำกว่าเสียง ไปจนถึงความเร็วเหนือเสียง SR-72 คือการใช้ระบบวงจรรวม ใช้เทอร์ไบน์ (TBCC) เครื่องยนต์กังหันเทอร์ไบจะถูกใช้งานที่ความเร็วต่ำ และเครื่องยนต์สแครมเจ็ตจะรับหน้าที่ขับเคลื่อนที่ความเร็วสูง เครื่องยนต์เทอร์ไบน์และเครื่องยนต์แรมเจ็ตใช้ทางเข้าอากาศและหัวฉีดร่วมกัน แต่มีเส้นทางการไหลของอากาศที่แยกจากกัน 

ที่ความเร็วมัค 5 ขึ้นไป (5,400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) การเกิดความร้อนตามหลักอากาศพลศาสตร์ในย่านไฮเปอร์โซนิก จะสร้างอุณหภูมิที่ร้อนพอที่จะละลายเฟรมโลหะทั่วไป ดังนั้น วิศวกรจึงกำลังพิจารณาวัสดุคอมโพสิต เช่น คาร์บอน เซรามิก และโลหะผสมประสิทธิภาพสูง สำหรับการประดิษฐ์ลำตัวของเครื่อง ส่วนประกอบที่สำคัญจากวัสดุผสมดังกล่าว ถูกใช้ในขีปนาวุธข้ามทวีปและกระสวยอวกาศที่เลิกใช้งานแล้ว ในเดือนพฤษภาคม 2015 SR-72 ถูกมองว่าเป็นเครื่องบินสกัดกั้นโจมตี แต่ไม่มีการระบุน้ำหนักบรรทุก น่าจะเป็นเพราะน้ำหนักบรรทุกในปัจจุบัน จะหนักเกินไปสำหรับเครื่องบินที่บินด้วยความเร็วมัค 6 และมีเพดานบิน (บินสูง) มากถึง 80,000 ฟุต หรือ 24,400 เมตร (สูงจากพื้นดิน 24 กิโลเมตร) ซึ่งต้องใช้ระยะทางกว่าร้อยไมล์ในการที่จะเลี้ยวกลับลำ เซนเซอร์และอาวุธปล่อยแบบใหม่ น่าจะถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อใช้งานในย่านความเร็วดังกล่าว 

เมื่อเร็วๆ นี้ การอ้างอิงถึงความพยายามในการพัฒนาเครื่องบินจารกรรม SR-72 นั้นเกี่ยวข้องกับโครงการ Mayhem Hypersonic Air Vehicle ซึ่งเป็นความลับของกองทัพอากาศสหรัฐฯ SR-72 ได้รับการคาดเดาอย่างกว้างขวางว่าเป็นแรงบันดาลใจของเครื่อง Darkstar ใน Top Gun เช่นเดียวกับงานศิลปะ เครื่องบินต้นแบบ SR-72 หรือเครื่องบินเจ็ต Darkstar ที่เราเห็นในหนังภาคสานต่อ มีลักษณะลำตัวที่ยื่นออกไปด้านหน้า ปีกสามเหลี่ยมเดลต้าวิง ซึ่งติดตั้งอยู่ด้านหลัง จุดกึ่งกลางของลำตัวเครื่องบิน ความแตกต่างอย่างหนึ่งเมื่อเทียบกับเครื่องต้นแบบ SR-72 คือ แพนหางดิ่งสองข้างของเครื่อง Darkstar

Lockheed Martin มีส่วนร่วมในการใส่ความสมจริงลงในหนังภาคต่อ Top Gun 2 ขณะเดียวกัน Lockheed Martin และกองทัพเรือสหรัฐฯ เคยได้ผลประโยชน์ด้านการประชาสัมพันธ์จากภาพยนตร์ Top Gun ภาคแรก นอกจากนี้ในหนังภาคต่อของ Top Gun เครื่องบินขับไล่ F-35C ยังปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย รวมไปถึงการที่ Tom Cruise ได้เยี่ยมชมโรงงานผลิต F-35 ของ Lockheed Martin ในเมืองดัลลาส-ฟอร์ตเวิร์ธ ในช่วงเริ่มต้นของการถ่ายทำ แต่เมื่อมองให้ดีๆ ก็จะพบว่า บริษัท Boeing เป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากหนัง Top Gun ด้วยเครื่องบิน F/A-18E/F Super Hornet ที่มีบทบาทการแสดงอย่างชัดเจน.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/