Peugeot 405 สิงห์น้ำหอมหล่อเฉียบ..รถในแบบที่ฝรั่งเศสเลิกทำแล้ว




ในสมัยนี้ถ้าคุณขับรถผ่านโชว์รูม Peugeot ก็จะเห็นรถ Crossover/SUV ใหม่ๆ อย่าง 3008 หรือ 5008 ที่หน้าตาล้ำยุค ภายในยิ่งดูล้ำอนาคต ใช้เส้นสายตัวถังแบบเอาใจวัยรุ่นเต็มที่ ผมเองก็เคยทดลองขับรถ Peugeot ยุคใหม่ๆ มาบ้าง แม้ว่าความทันสมัยและเทคโนโลยีจะทำให้รถค่ายสิงห์ยกขาในทุกวันนี้ดูมีเสน่ห์โดนใจวัยรุ่นมาก แต่ผมก็ยังนึกถึง Peugeot ในยุคที่ไทยยังมีความเจริญทางเศรษฐกิจสูงจนเคยได้รับการขนานนามว่าเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชีย มันมีเสน่ห์ในแบบที่คุณต้องได้ลองขับด้วยตัวเองแล้วจะเข้าใจในวิศวกรรมฝรั่งเศสในสมัยนั้น

Peugeot 405 เป็นรถที่เกิดมาในปี 1987 และเมื่อเปิดตัวไปได้เพียงปีเดียว สิงห์หล่อเรียบรุ่นนี้ก็คว้ารางวัล European Car of The Year 1988 ซึ่งไม่ใช่การชนะแบบฉิวเฉียดนะครับ แต่เป็นการชนะด้วยคะแนนรวมจากกรรมการที่นับแต้มแล้วมากที่สุดในรอบ 25 ปีเลยทีเดียว การออกแบบตัวถังที่ดูสุภาพแต่แอบมีความเปรี้ยว เป็นฝีมือของสำนัก Pininfarina แห่งเมืองตูรินในอิตาลี ในรุ่นย่อยระดับสูง จะได้รับการตกแต่งด้วยสปอยเลอร์ สเกิร์ต และล้ออัลลอย ที่ทำให้รถดูโหดกว่าความเป็นรถครอบครัวกว่าที่มันเป็น

หัวใจที่ทำให้ 405 เป็นรถที่น่าจดจำ นอกจากเรื่องรูปร่างแล้ว ยังอยู่ที่การออกแบบที่นำความคิดที่ดูง่ายๆ (แต่ไม่ค่อยมีคนทำในสมัยนั้น) มาทำให้เกิดบนรถจริง และหลายอย่างก็ให้ประสิทธิผลจริง คุณเห็นรถญี่ปุ่นสมัยใหม่เอาหัวฉีดน้ำล้างกระจกมาฝังอยู่ในก้านปัดน้ำฝนแล้วใช่ไหมครับ? 405 มีหัวฉีดน้ำลักษณะนี้มาตั้งแต่ 35 ปีก่อนแล้ว แต่มันไม่ได้ฝังตัวซ่อนจากสายตาคุณนักหรอก มองจากภายนอกจะเห็นท่อยางน้ำฉีดกระจกอยู่บนใบปัดเลย น้ำก็จะถูกฉีดไปบนกระจก ไม่กระเด็นเซ็นซ่าน ตำแหน่งการขับ ถูกออกแบบมาให้ผู้ขับรู้สึกควบคุมได้ทุกอย่าง ขึ้นขับสับเกียร์ถนัด และมีทัศนวิสัยในการมองรอบคันที่โปร่งจากบานกระจกขนาดใหญ่ หลักการพื้นฐานในการออกแบบจากยุคสมัยที่รถถูกออกแบบมาเพื่อการขับ จะขับรถให้สนุก คุณต้องขยับตัวเพื่อคุมรถได้ง่าย และคุณต้องเห็นทางโค้งที่คุณจะไปได้โดยง่าย พวงมาลัยสามารถปรับสูง/ต่ำได้ (สมัยนั้นแม้แต่ Mercedes-Benz 190E ยัง “คอแข็ง” ปรับอหิวาต์อะไรไม่ได้เลย) เข็มขัดสามารถปรับระดับให้พอดีกับคนขับได้ ในรถเมืองนอก ถ้าจำไม่ผิด สามารถปรับการโอบของปีกเบาะได้อีกต่างหาก

นี่คือสิ่งที่รถจาก 35 ปีที่แล้ว คำนึงถึง และทำมาให้คนขับใช้ แต่สามทศวรรษผ่านไป เมื่อคนใช้รถรู้สึกว่าจอสวยๆ ดูหนังได้ ต่ออินเทอร์เน็ตเข้ารถได้สำคัญกว่า รถบางค่ายก็ดูเหมือนจะเอาพื้นฐานการออกแบบเพื่อการขับขี่ดีๆ แบบนี้ไว้เป็นเรื่องหลังๆ อย่างน่าเสียดาย แต่จะว่าไป 405 เองก็มีความแปลกที่นับเป็นเอกลักษณ์ประจำค่าย ถ้าคุณอยากรู้ว่าใครเป็นเจ้าของ Peugeot ยุคก่อนศตวรรษใหม่ตัวจริง ดูตอนโดนมอเตอร์ไซค์ตัดหน้าครับ ถ้าเขาบีบแตรด้วยการตบลงไปกลางพวงมาลัย แสดงว่าไม่ใช่เจ้าของรถตัวจริง แตร Peugeot ยุคนั้น อยู่ที่ปลายก้านไฟเลี้ยวครับ ตบมันเข้าวิธีเดียวกับเวลาคุณฉีดน้ำล้างกระจกรถสมัยใหม่นั่นแหละ

นอกจากนี้ มรดกอันดีงามอีกอย่างที่ 405 ได้มาจากรุ่นพี่ๆ ก็คือ ถ้าคุณปล่อยมันไว้กับความรุนแรงของธรรมชาติ ชิ้นส่วนภายในของรถคุณก็จะย่อยสลายอย่างว่าง่าย อย่างที่รุ่นน้องผมที่เป็นแฟนค่ายสิงห์ชอบพูดถึงรถตัวเองว่า มันชอบย่อยสลายชิ้นส่วนตัวเองก่อนที่จะถึงเวลาอันควรจริงๆ ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่จอดตากแดด นั่นทำให้นักเล่นรถคลาสสิกยอมยกแม่โป้งให้กับคนใช้ Peugeot รุ่นเก่าที่สามารถรักษาสภาพภายในไว้ได้เนียน…เพราะมันรักษาได้ยากมาก

405 เข้ามาถึงประเทศไทยในปี 1989 โดยเป็นรถประกอบในประเทศ ขายในยุคที่ชื่อยนตรกิจ ยังมีความยิ่งใหญ่ครอบคลุมเป็นผู้แทนจำหน่ายรถแบรนด์ยุโรปหลายเจ้า โดยนำมาขายด้วยกันทั้งหมด 3 รุ่น รุ่นที่เป็นแก้วเย็นๆ ให้คนทั่วไปจับต้องได้ เรียกว่ารุ่น GR ซึ่งใช้เครื่องยนต์ XU9-2C 1.9 ลิตร 8 วาล์ว สมัยนั้นยังจ่ายน้ำมันด้วยคาร์บิวเรเตอร์ 110 แรงม้า มีทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ZF 4 จังหวะ สิ่งที่เจ๋งของยนตรกิจในสมัยนั้นก็คือ พวกเขาประกอบรุ่นพื้นฐานอย่าง GR ขาย โดยมีชุดแต่ง สเกิร์ต สปอยเลอร์ ล้ออัลลอย 5 ก้านขนาด 14 นิ้วแบบตัวท็อปๆ เมืองนอกมาให้ แม้ว่ากระจกไฟฟ้าจะยังมีแค่ 2 บานหน้าก็ตาม รถเกียร์ธรรมดา จะได้เบาะหนัง (น่าจะเป็นหนังเทียม ทุกวันนี้หาตัวอย่างมาพิสูจน์ได้ยากแล้วเพราะเจ้าของเปลี่ยนเบาะไปหมด) ส่วนรุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะได้เบาะผ้าลายสปอร์ต

แต่รุ่นที่เป็นหม้อใบเดือด วัยรุ่นสมัยนั้นอ่านโบรชัวร์แล้วอยากปล้นเงินมาซื้อคือรุ่น Mi16 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ XU9-J4 ความจุก็ 1.9 ลิตรเท่ากับ GR แต่ใช้ระบบหัวฉีดไฟฟ้า Bosch และใช้ฝาสูบทวินแคม 16 วาล์ว เพิ่มอัตราส่วนกำลังอัด ออกแบบแปลกกว่าเครื่องญี่ปุ่นขับหน้ายุคนั้นตรงที่ท่อไอดีวางไว้ด้านหน้าเครื่อง แล้วเอาท่อร่วมไอเสียไว้หลังเครื่อง และเจ้าท่อร่วมไอเสียนี่ล่ะที่หน้าตาแปลก เพราะเครื่อง 4 สูบ แทนที่จะออกมา 4 ท่อ กลับออกมา 8 ท่อ เรียกว่าวาล์วไอเสียตัวนึง เอาท่อของเอ็งไปเลย 1 ท่อ ทั้งหมดนี้ทำให้ 405 Mi16 มีพละกำลังถึง 160 แรงม้า และยังส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ อัตราทดจัด ในยุคที่โซเวียตกำลังจะล่ม พลังขนาดนี้ในรถเบาแค่ 1.1 ตัน ไม่ใช่เรื่องที่คุณจะพบในรถคันไหนก็ได้ มันสามารถพาคุณไปแตะ 220 กม./ชม. ได้ ลากชนขีดแดง 7,000 รอบกับโทนเสียง 4 สูบที่ทุ้มนุ่มแน่นราวกับวิศวกรตั้งใจจูนมาให้เสียงไพเราะ ไม่ใช่แค่สร้างเครื่องแรงๆ แล้วส่งขาย

Mi16 ได้ดิสก์เบรกล้อหลัง และช่วงล่างโช้คอัพ และชุดทอร์ชั่นบาร์หนืดแบบสปอร์ต เพิ่มมาจากตัว GR แต่นอกเหนือจากนั้นไป ภายนอกของรถสองรุ่นนี้ ต่างกันแค่ป้ายชื่อรุ่นครับ เวลาแซงผ่านไปไวๆ คุณจะแยกไม่ออกหรอก ว่านั่นคือ 405 พลังแมวหรือพลังสิงห์ ในสมัยที่ผมยังเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน และทางยกระดับปิ่นเกล้า-นครชัยศรียังโล่งไม่เหมือนสมัยนี้ ผมเคยพยายามเอาเบนซ์ 300E ไล่กวด 405 Mi16 ซึ่งถึงแม้ว่าความเร็วสูงสุดเราจะดูใกล้เคียงกัน แต่ถ้าเมื่อไหร่ชะลอเหลือต่ำกว่าร้อย แล้วต้องกดออกไปใหม่ Mi16 จะทิ้งห่างรถ 6 สูบอย่าง 300E ไปได้พักใหญ่ๆ

สมัยนั้น ผมรู้เรื่องรถแค่เพียงน้อยนิด ก็คิดว่า 300E คันของเพื่อน (ซึ่งผมขับ) อยู่นี้ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ รถสามพันจะวิ่งแพ้รถพันเก้าเดิมๆ ได้ไงวะ จนตอนหลังเริ่มรู้เรื่อง หันกลับไปมองอีกที รถน่ะไม่ผิดปกติหรอก เรานั่นแหละที่ไม่รู้เรื่อง

ในภายหลัง ผมได้มีโอกาสขับ 405 Mi16 ของแท้ของจริงที่เอามาจอดซ่อมที่อู่เพื่อน แล้วเพื่อนให้ลองขับเพื่อเช็กการประกอบเครื่อง ถึงแม้จะไม่ได้ลองลากท็อปสปีด แต่รู้สึกได้ว่าเจ้าของรักษารถคันนี้มาดีมาก เสียงเครื่องแน่น ช่วงล่างหนึบแต่ไม่แข็งกระด้างแบบรถญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่เน้นโช้คแข็งเพื่อเกาะถนน..แต่พูดเรื่องเกาะถนน 405 ทิ้งโค้งคมและแม่นกว่า Volvo 850, BMW E30-E36 หรือเบนซ์ 190E คนละเรื่อง และที่ประหลาดมากคือเสถียรภาพของรถเวลาเราซัดพ้นโค้งมาแล้วเจอหมาวิ่งตัดหน้า เมื่อกดเบรก หน้ารถกลับไม่ทิ่มอย่างที่คาด แต่เหมือนรถถูกกดให้แบนกับพื้นอย่างเท่าๆ กัน อาการไม่เหมือนรถทั่วไปเลย ผมก้มดูช่วงล่าง ก็ดูหน้าตาธรรมดา ไม่มีลิงก์เล้งอะไรมากมายให้ชวนคิด

ซึ่งนั่นก็ทำให้น่าคิดว่า รถที่มีอายุเทคนิค 35 ปี สามารถสร้างช่วงล่างให้ขับได้เนียนขนาดนี้ แล้วรถในปัจจุบันนี้ที่ใช้ระบบช่วยเยอะแยะ ใช้ยางกว้างๆ (405 คันที่ผมขับ ใช้ยาง 195/60R14 แค่นั้น) แก้มยางเตี้ย ถูกละ เทคโนโลยีเครื่องยนต์ และความปลอดภัย รถสมัยใหม่เจริญก้าวหน้าจน 405 ไม่มีวันทาบติด แต่สิ่งที่สงสัยก็คือ ทำไมแม้แต่ Peugeot รุ่นใหม่ๆ ที่ขายอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่สามารถให้การบาลานซ์ระหว่างความนุ่ม-เนียน-หนึบ และมั่นใจในอัตราส่วนที่น่ายืนตรงเคารพได้อย่างที่วิศวกรฝรั่งเศสทำ

บางทีคำตอบอาจจะไม่ได้ยาก ลองดูรถที่ทำช่วงล่างมาแบบพอวิ่งได้ทุกวันนี้ กับดูรถอย่าง Peugeot นับตั้งแต่ปี 1990 มาจนถึงปัจจุบัน เทียบยอดขายกันว่าเป็นยังไง นั่นก็คงเป็นคำตอบที่คนรักการขับขี่ต้องรู้จักทำใจไปตามกระแสโลก คุณอาจจะอยากได้รถที่มีวิศวกรรมเลิศเลอ แต่สุดท้าย รถที่อยู่รอด คือรถที่มีคนซื้อ และคนส่วนใหญ่ที่ซื้อรถ อาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญในเรื่องเดียวกับคุณ

ผมแค่คิดว่า ถ้ามีใครพยายามจะเอาการขับขี่แบบนี้ กลับมารวมกับรถเทคโนโลยีโลกใหม่ มันก็คงจะดี แต่ถ้ามันยากนัก ลองไปหาใครสักคนที่มี 405 สภาพดีๆ สักคันแล้วลองนั่งดูสิครับ แต่ถ้าจะซื้อใช้เอง คิดให้ดีนะลูกๆหลานๆ..อายุรถมันอ่อนกว่าน้าแค่ไม่กี่ปี ถ้ารักจริง หาเพื่อนใช้สิงห์ให้ได้เยอะๆ หาข้อมูลให้ได้ครบก่อน แล้วค่อยลุยนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าน้าไม่เตือน.

Pan Paitoonpong