Nissan Navara Black Edition ยกสูงโบคู่ 190 ม้า ค่าตัวน่าสอย




ในโลกของการทดสอบรถ ผมกล้าพูดว่าตลอด 20 ปีที่ลองขับรถสเปกโรงงานมาหลายร้อยคัน มันไม่มีรถคันไหนหรอกที่เกิดมาสมบูรณ์แบบถึงพร้อมไปทุกด้าน เพราะถ้ารถคันใดดีทุกด้าน ค่าตัวของมันก็จะแพงกว่าเพื่อนร่วมรุ่นจนขายไม่ได้ มันจึงขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรถรายนั้นๆ ว่าจะเอาเม็ดเงินก้อนไปลงตรงไหนของรถ จะเน้นเครื่องยนต์ เน้นอุปกรณ์ หรือเน้นความทนทาน เรื่องนี้คุณต้องไม่ลืมด้วยว่า แม้แต่สายไฟ ลูกหมาก ซีลยางเกรดดีหรือห่วย ของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก็ล้วนแล้วแต่ส่งผลกับต้นทุนการผลิตรถ ถ้าเป็นโลกของรถกระบะ เจ้าตลาดที่ขายเดือนละหมื่นคัน อาจเซฟต้นทุนได้จากการสั่งชิ้นส่วนจากซัพพลายเออร์ทีละมากๆ แล้วคิดราคาต่อชิ้นถูกลง แต่ถ้าคุณไม่ใช่ Isuzu กับ Toyota แล้วล่ะก็ คุณต้องคิดหนักเลยว่าจะเอาอะไรมาใส่ในรถของคุณให้มันมีจุดเด่น

ความเด่นของสิ่งที่ค่ายรถบรรจงใส่เข้าไป นั่นละจะเป็นตัวกำหนดว่าลูกค้าคนไหนจะยอมเซ็นใบจอง แน่นอนครับว่า Nissan Navara Double Cab Calibre E “Black Edition” คันสีแดงที่ผมขับนี้ ก็ไม่ได้มีครบทุกอย่าง หรือสมบูรณ์แบบในทุกด้าน แต่ถ้าคุณลองดูสิ่งที่มันให้ แล้วคิดกับมันแบบแฟร์ๆ จะเห็นได้ว่าทาง Nissan เขาก็พยายามที่จะจัดสเปกรถให้มีจุดเด่นเท่าที่มันเป็นไปได้ในค่าตัว 934,000 บาท แต่เราจะมาลองว่ากันทีละเรื่อง เริ่มด้วยเรื่องที่เป็นจุดอ่อนก่อน

ข้อแรก คือคุณต้องไม่ลืมว่าโครงหลักของตัวรถนั้นเกิดมาตั้งแต่ราวปี 2014 หรือก่อน Hilux Revo เสียอีก ดังนั้นให้เข้าใจไว้เลยว่านี่คือรถที่เริ่มเข้าสู่อายุท้ายๆ ของเจเนอเรชัน บางอย่างซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกบังคับทางวิศวกรรมก็ไม่สามารถปรับให้ทันสมัยเท่ารถรุ่นใหม่สดอย่าง D-Max ได้ เช่นพวงมาลัย ซึ่งกระบะในตลาดสมัยนี้ทุกคันจะปรับขึ้น/ลง เข้า/ออก ได้ แต่ Navara ยังทำไม่ได้ แล้วเรื่องนี้ส่งผลหรือเปล่ากับการขับ? มันก็แล้วแต่บอดี้ของลูกค้าแต่ละคน ต้องลองนั่งลองขับดูว่าถนัดไหม

ข้อต่อมา ก็เรื่องวิศวกรรมอีกเช่นกัน การที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงขนาดของหัวเก๋งได้ ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดเท่าเดิมตลอด 8 ปีที่ผ่านมา การโดยสารตอนหน้าก็ถือว่าสบายอยู่ เพราะคนออกแบบแดชบอร์ดเว้าที่ให้แหกขาได้กว้างมาก มากกว่าเจ้าตลาดทั้งสองค่ายอย่างชัดเจน แต่เบาะหลังนั้น นั่งแล้วต้องชันเข่ากว่าเพื่อน เนื้อที่วางขาค่อนข้างน้อย แต่พนักพิงหลังก็ยังพอมีความสบายอยู่บ้าง ดังนั้นมันจึงเป็นที่ที่เหมาะสำหรับคนตัวเล็ก ซึ่งอาจจะนั่งแล้วไม่บ่น..จนกว่าเขาจะได้ลองนั่งเบาะหลัง D-Max แล้วเจอทั้งเบาะนุ่มๆ ปีกโอบๆ ที่วางขาเหลือเฟือนั่นล่ะ

ที่สำคัญคือเรื่องบริการหลังการขายครับ เวลาเราถามใครว่าทำไมไม่ซื้อ Nissan สิ่งนี้มักเป็นเหตุผลแรกๆ ทั้งที่ความจริงจำนวนศูนย์บริการ Nissan เยอะมาก เรื่องนี้ถ้าให้ยุติธรรมก็ต้องมองศูนย์กันเป็นแห่งๆ ไป คุณอยู่ละแวกไหน ก็ลอง Google ดูศูนย์แถบนั้นว่าคนเขาไปใช้แล้วรีวิวเอาไว้ว่าอย่างไร ชีวิตผมกับรถแบรนด์นี้ ผมใช้บริการศูนย์รามอินทรา กิโลเมตร 4 อยู่ตลอดอายุประกันรถก็ไม่ได้มีปัญหา แต่ผมมีปัญญาเข้าใช้งานเพื่อลองให้คุณได้ไม่กี่ที่ ส่วนที่อื่นๆ ผมพูดแทนคงไม่แฟร์ มันจะมีทั้งศูนย์ที่สู้เพื่อยกระดับภาพพจน์แบรนด์ และศูนย์ที่ตูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม Nissan ยังยอมให้ขายรถได้อยู่

ถ้าอ่านสามข้อนี้แล้วคุณไม่ติดขัดกระไร ก็แสดงว่าเจ้า Black Edition ก็มีสิทธิ์เป็นม้ารับใช้คุณได้ ลองมาฟังจุดเด่นกันบ้างครับ

ข้อแรกที่ต้องพูดเลยคือขุมพลังขับเคลื่อน ผมกวาดตาดูรถเจ้าตลาดในงบไล่เลี่ยกัน คุณจะได้เครื่องยนต์ 150 แรงม้า ซึ่งมันก็พอแหละถ้าคุณไม่สามารถจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่กดคันเร่งยันพื้นรถมันกี่ปีมาแล้ว แต่สำหรับสายวิ่งทางไกล เวลาเข้าถนนสองเลนแล้วเจอรถบรรทุกขับติดๆ กัน 3-4 คัน คุณอยากจะรอไหมล่ะ? Navara เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร เทอร์โบสองตัว 190 แรงม้า เวลาวิ่ง 60 แล้วกระแทกคันเร่งแซง มันก็ไปแบบรถ 190 ม้าจริงๆ ทำให้การขับต่างจังหวัด สนุกและมั่นใจขึ้น แล้วถึงตรงนี้คุณไปดูนะว่ากระบะยกสูงเจ้าอื่นที่ 190 ม้าหรือมากกว่า เขาตั้งราคากันไว้เท่าไหร่

อย่างไรก็ตาม บางคนบอกว่าไปลองขับมาแล้วไม่แรง ผมจะบอกว่า Navara โบคู่เนี่ย ไม่รู้ว่าทำไม Nissan ต้องจูนลดการสำแดงเดชในช่วงเกียร์ต้นๆ วิศวกร Nissan บอกว่าอยากให้พลังมันมาแบบสุภาพ ผู้ดี ค่อยๆมา ผมเลยบอกว่าพี่ครับถ้าพี่คิดอย่างนี้ยอดขายพี่ก็จะค่อยๆ มาเหมือนกันนะครับ แหม ต้นหนืด แต่พอเข้าเกียร์สาม โลกเปลี่ยน ท้ายลึก ลากชนขีดแดงเหมือนรถ 3.0 ได้ซะงั้น แต่มองในแง่การใช้งานของรถ 4 ประตู เราไม่ค่อยเอาไปใช้บรรทุก 1 ตันขึ้นดอยอยู่แล้วล่ะ ดังนั้น ช่วงเร่งแซง สำคัญกว่า ซึ่งมันเป็นช่วงที่ Navara โบคู่เขาทำได้ดี (ถ้าจูนเพิ่มแรงดีดต้นให้อีกนิดจะกราบงามๆ)

อีกจุดที่ผมชอบมากคือช่วงล่าง หลังจากที่ขับมาหมดแล้วตั้งแต่ D-Max Hi-Lander ยัน Ranger รุ่นล่าสุด ผมบอกได้ว่า ถ้าคุณชอบกระบะนุ่มสบายแม่ยายหลับสนิท คุณไป Ranger เลยครับ แต่ถ้าจะเอารถที่บาลานซ์ระหว่างความนุ่มแบบสมเหตุผล และความเกาะถนนที่ไว้ใจได้ ชั่วโมงนี้ Navara ทรงมาดีมาก ซึ่งนี่เป็นผลจากการที่ Nissan ลงทุนเซ็ตช่วงล่างใหม่หมดตั้งแต่ปี 2020 ทำให้รถที่เดิมเป็นแข็งกระด้างท้ายดีด ตอนนี้สบายอันดับต้นๆ ของกลุ่มกระบะ ในขณะที่เวลาโยนโค้งแรงๆ แม้ช่วงล่างจะย้วย แต่มันเป็นความย้วยที่ผมจับความรู้สึกได้ว่า ย้วย แต่ไม่ม้วน ล้อมันดูดถนนอยู่ และยังมีระบบคุมการทรงตัว VDC ของ Nissan ที่ปรับการทำงานมาตรงใจผม คือไม่ใช่เอะอะตูสั่งยกคันเร่ง สั่งเบรกตลอด มันจะยอมให้คุณสนุกได้ระดับหนึ่ง และเมื่อคุณพลาด มันจะแก้ปัญหาให้คุณชัดเจนและว่องไวราวผู้ว่าฯ ชัชชาติเลยทีเดียว

สิ่งเดียวที่ผมไม่ชอบในเรื่องการบังคับรถ ก็คือพวงมาลัยนั่นแหละครับ เวลาเลี้ยวโค้ง เปลี่ยนเลน มันให้ความรู้สึกหย่อนๆ ยานๆ อารมณ์เหมือนนั่งดูนมยายทองประศรีพิลึก แต่นี่ก็ถือว่าดีกว่า Navara สมัยก่อนไมเนอร์เชนจ์ที่เลี้ยวเข้าซอยทีนึกว่าขับสิบล้อ พวงมาลัยของรถตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ปรับให้ไวขึ้นแล้ว 20% และลดน้ำหนักต้านมือเวลาถอยจอดลง คุณต้องลองขับดูครับว่าวิ่งสัก 120 ลองเปลี่ยนเลนแล้วคุณโอเคกับมันไหม

ในเรื่องอุปกรณ์ที่ให้มานั้น รถราคาเก้าแสนต้น จะให้เยอะเท่ารถราคาล้านอัป น่าจะยาก ดังนั้นทำใจได้เลยว่าอุปกรณ์ขั้นเทพอย่างพวกรุ่น Pro2X ที่มีทั้งไฟสูงอัตโนมัติ ระบบตบรถให้อยู่ในเลน ระบบเตือนรถวิ่งตัดข้างหลัง เตือนรถในจุดบอดกระจกมองข้างและอื่นๆ นั้น จะไม่มีในรุ่น Black Edition เพราะจริงๆ แล้ว มันก็คือคือรถรุ่น Calibre E ที่เอามาตกแต่งภายในโทนดำนั่นเอง แม้แต่เบาะ ก็ยังเป็นเบาะผ้าอยู่เลย อย่างไรก็ตาม ในราคาขนาดนี้ คุณได้หน้าปัดเหมือนตัวท้อป มีลูกเล่นข้อมูลครบพอกัน เครื่องเสียงจอกลาง 8 นิ้วรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto เหมือนกัน ที่สำคัญคือ มีกล้องรอบคันมาให้พร้อมระบบเตือนถ้ามีอะไรขยับอยู่รอบๆ รถ มีประโยชน์นะครับสำหรับบ้านที่มีลูกเล็กๆ เดินเตาะแตะเล่นรอบบ้าน บางทีมาเดินอยู่หลังรถเราตอนถอยเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

แอร์ออโต้แบบแยกปรับอุณหภูมิซ้าย/ขวาได้ มีฮีตเตอร์ เหมาะกับการไว้วิ่งดอยเวลาเข้าหน้าหนาว รถคู่แข่งบางรุ่น ราคาใกล้เคียงกันนี้ยังเป็นแอร์ลูกบิดอยู่เลยครับ แต่ Navara แค่รุ่น Calibre E ที่ไม่ได้ตกแต่งอะไร ก็มีแอร์แบบนี้ให้แล้วในราคา 899,000 บาท

ส่วนภายนอกนั้น การเป็นรุ่น Black Edition ก็ทำให้คุณดูหนุ่มพร้อมกระโดดน้ำตกมากขึ้น ราคาที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น Calibre E 35,000 บาทนั้น นอกจากสติกเกอร์ข้างรถแล้ว ยังได้ชุดแต่งบูชาของดำ กระจังหน้า/กระจกมองข้าง/มือจับเปิดประตู/โป่งล้อ/กันชนท้าย/มือเปิดกระบะ ทุกอย่างมาในสีดำ ล้ออัลลอย 17 นิ้วลายเรียบๆ พับเพียบพับผ้า ก็เปลี่ยนเป็นล้อ 18 นิ้วลายที่เคยใช้กับรุ่น VL โฉม 2021 เอามาทำเป็นสี…ถูกต้องครับ..สีดำ

ย้อนกลับไปเท้าความถึงสิ่งที่ผมพูดในย่อหน้าแรกๆ ว่ากระบะเจ้ารอง ถ้าจะแข่งกับใคร ต้องแข่งกันที่เรื่องการเลือกของใส่รถให้ถูกโฉลกกับลูกค้าเป้าหมาย Navara Black Edition นี่ Nissan เขาก็เลือกวิธีการใส่ของมาให้จนเราคนรีวิวรถ สามารถแนะนำได้ง่ายเลยว่า ถ้าคุณชอบเจ้าตลาด ไปเจ้าตลาด ไม่ต้องมาเถียงกัน เพราะตูขี้เกียจจะเถียง แต่ถ้าคุณอยากมองหารถที่ ราคาเท่ารุ่นพลังน้อยของเจ้าตลาด แต่คุณได้จบกับเครื่องโบคู่ที่แรงม้าสูงกว่ามาก ช่วงล่างไม่ต้องทำเพิ่มก็ขับได้นุ่มแบบสมเหตุผล และมั่นใจได้ระดับหนึ่ง มีการตกแต่งภายนอกที่เด่นมาแต่ไกลแบบคนชอบตกเป็นเป้าสายตา และมีภายในที่ปราดตามองไปแล้วดูของครบ ดูไฮโซ แม้จริงๆ จะยังสู้ออปชั่นกระบะข้ามล้านไม่ได้ สิ่งเหล่านี้คือ Nissan Navara Double Cab Black Edition เป็น และมันน่าจะตอบโจทย์สิงห์นักขับที่ชื่นชอบดุลยภาพระหว่างความแรง ความปลอดภัย และของเล่นติดรถในราคาที่คุยกันง่าย

ขอเพียงอย่างเดียว Google ดูหน่อยแล้วกันว่าศูนย์ไหนน่าฝากชีวิตด้วย ถ้าเจอ ต่อให้ไกลจากบ้านขึ้นสัก 20-30 กิโลเมตรก็ยังน่าไปหา อย่ามองแค่ว่าใกล้ที่ไหนก็ซื้อที่นั่น รถมันมีข้อดีอยู่แล้ว ถ้าได้คนดูแลดีด้วย ชีวิตหลังพวงมาลัย Nissan คุณจะมีความสุขมากขึ้น.

Pan Paitoonpong