MERCEDES-BENZ OM656 ดีเซลเทอร์โบคู่ประสิทธิภาพสูงยุคสุดท้ายของแบรนด์ตราดาว




OM656 เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบแถวเรียงใหม่ ก้าวสุดท้ายเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงดีเซลของ Mercedes-Benz มีส่วนสนับสนุนสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศของโลก นี่คือเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร มาเป็นแถวเรียง 6 สูบเทอร์โบ ประจำการอยู่ใน CLS400d GLS350d G-Class G350d และ S-Class S350d AMG Premium V223 รุ่นใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ OM656 แบ่งออกเป็นสองระดับความแรง สองคลาสเอาต์พุต เช่น Mercedes-Benz S 350 d มีกำลัง 210 กิโลวัตต์ (286 แรงม้า) แรงบิดเหลือเฟือที่ 600 นิวตันเมตร แต่ CLS400d มีกำลังมากถึง 400 แรงม้า แรงบิดพุ่งขึ้นเป็น 700 นิวตันเมตร แม้ตัวจะหนักถึง 2.2 ตัน และ 2.5 ตัน แต่ S350d AMG Premium และ GLS350d AMG Premium ก็รับประทานเชื้อเพลิงเท่าที่จำเป็น (อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวม: 5.1 ลิตร/100 กม. ปล่อย CO2 134 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร) OM656 เป็นแนวทางการปรับปรุงเทคโนโลยีของระบบขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิงดีเซลที่ครบถ้วน ประกอบด้วยกระบวนการเผาไหม้แบบสเตปโบลว์ใหม่ล่าสุด การหมุนเวียนก๊าซไอเสียหลายทางแบบไดนามิกส์ และระบบควบคุมการปล่อยไอเสียที่ติดตั้งอยู่ใกล้เครื่องยนต์เพื่อควบคุมอุณหภูมิ ตัวเลขการบริโภคเชื้อเพลิงที่ลดลง ปล่อยมลพิษต่ำ โครงสร้างของระบบไอเสียหุ้มฉนวนป้องกัน ระบบควบคุมการปล่อยไอเสีย จึงมีการสูญเสียความร้อนเพียงเล็กน้อย และมีสภาวะของการทำงานในอุดมคติ หมายความว่ามันจะทำงานได้ดีในอุณหภูมิที่ถูกปรับตั้งมาจากโรงงานอย่างเหมาะสม OM656 ถูกปรับปรุงให้มีกำลังในรูปของแรงบิดมากขึ้น เพื่อประจำการอยู่ในยานพาหนะขนาดกลางและขนาดใหญ่ของ Mercedes-Benz 

แม้ว่าแรงม้าและแรงบิดจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ V6 รุ่นก่อน แต่เครื่องยนต์ OM656 ใช้เชื้อเพลิงลดลงถึง 6% เป็นคุณลักษณะพิเศษของเครื่องยนต์ระดับแนวหน้าในตระกูลดีเซลตราดาว ได้แก่ กระบวนการเผาไหม้แบบสเตปโบลว์ เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบสองขั้นตอน (2-Stage Turbo) และการใช้ระบบควบคุมการยกวาล์วแบบแปรผัน CAMTRONIC เป็นครั้งแรก การออกแบบภายใน มีการผสมผสานระหว่างบล็อกเครื่องยนต์อะลูมิเนียมและลูกสูบเหล็ก ตลอดจนการเคลือบสารหล่อลื่นพิเศษ NANOSLIDE® บริเวณผนังกระบอกสูบ ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ดีกว่ากระบอกสูบของเครื่องดีเซลแบบ V6 รุ่นที่ผ่านมา

เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ 2 Stage Turbo ได้รับการออกแบบเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายการปล่อยมลพิษในอนาคต (RDE – Real Driving Emissions) ส่วนประกอบที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ถูกปรับปรุงเพื่อลดการปล่อยมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ ชุดควบคุมก๊าซไอเสียได้รับการติดตั้งอยู่ใกล้กับเครื่องยนต์โดยตรง เทคโนโลยีแบบบูรณาการ ควบรวมกระบวนการเผาไหม้แบบใหม่ การหมุนเวียนก๊าซไอเสียหลายช่องทางแบบไดนามิกส์ และอุปกรณ์บำบัดก๊าซไอเสียที่ติดตั้งอยู่ใกล้เครื่องยนต์ ร่วมกับการควบคุมระบบวาล์วแปรผัน ทำให้อัตราสิ้นเปลืองลดลง 

เทคโนโลยีควบคุมการปล่อยไอเสียที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้น ตัวเลขค่าการปล่อย Co2 ของเครื่องยนต์ OM 656 ต่ำกว่าขีดจำกัดการปล่อยมลพิษทั้งหมด ดีกว่ามาตรฐานการปล่อยมลพิษ Euro 6d-TEMP ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แม้ในสถานการณ์ที่มีการใช้ความเร็วอย่างต่อเนื่อง ผ่านตัวแปลงลดก๊าซ Co2 เช่นตัวเร่งปฏิกิริยาแบบเลือกเพิ่มเติม (SCR) ตัวเร่งปฏิกิริยาก๊าซที่ก่อมลภาวะโดยใช้สารแอมโมเนีย (ASC) ในท่อไอเสีย

โหมดขับเคลื่อน ECO พร้อมฟังก์ชั่น coasting ช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง เมื่อยกเท้าออกจากคันเร่ง คลัตช์ของเกียร์ 9-G Tronic จะยกเลิกการเชื่อมต่อกับชุดส่งกำลังทำให้ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ลดลงมาอยู่ในระดับเดินเบา แม้ขณะใช้ความเร็วสูง เป็นฟังก์ชั่นที่ช่วยลดอัตราสิ้นเปลือง และลดมลพิษได้ดี การลดความเร็ว หากคนขับไม่แตะเบรก แรงต้านทานที่เกิดจากกระแสอากาศ จะค่อยๆ ลดความเร็วของรถลงเอง ฟังก์ชั่น coasting ใช้พลังงานจลน์ในระยะทางที่กำหนด มันจะค่อยๆ ลดความเร็วลงช้าๆ เป็นระยะทางที่ยาวมาก ส่งผลให้ประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อย CO2 คลัตช์ของเกียร์ 9-G Tronic จะทำการเชื่อมต่อทันทีที่คนขับเหยียบคันเร่งหรือแป้นเบรกอีกครั้งอย่างรวดเร็วและปราศจากอาการกระตุกกระชาก

OM656 ยังเป็นเครื่องยนต์ดีเซลรุ่นใหม่ที่ทำงานในรอบต่ำและสูงเงียบขึ้น มีแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานที่ลดลง ให้ความสะดวกสบายในรถรุ่นเรือธงอย่าง Mercedes-Benz New S-Class S350d AMG Premium Mercedes-Benz GLS350d AMG Premiun หรือแม้แต่ G-Class G350d เมื่อขับใช้งานระยะทางไกล การเร่งเครื่องด้วยความเร็วรอบเครื่องที่สูงขึ้น ในเครื่องยนต์ดีเซลทั่วไปจะทำให้เกิดเสียงและแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสาร แต่เครื่อง OM656 ถูกปรับแต่งให้มีเสียงและแรงสั่นสะเทือนน้อยลง (มาก เมื่อเทียบกับเครื่องดีเซลในอดีต) เพื่อลดเสียงรบกวนที่อาจเข้ามาในห้องโดยสาร แท่นยึดเครื่องยนต์ของเครื่องยนต์ดีเซลแบบไฮดรอลิกปรับระดับการทำงานอัตโนมัติ จะควบคุมแรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องทั้งในรอบต่ำไปจนถึงรอบสูงสุด ควบรวมกับวัสดุป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอกที่ห่อหุ้มอยู่รอบๆ ห้องโดยสารและแชสซี ที่ความเร็วต่ำกว่า 5 กม./ชม. เครื่องยนต์ OM656 ถูกตั้งค่าให้เพิ่มนุ่มนวลในการทำงาน เพื่อลดการสั่นสะเทือนไปยังเฟรมแบบขั้นบันไดที่ความเร็วรอบเครื่องต่ำ เมื่อความเร็วรอบเครื่องยนต์สูงขึ้น แท่นยึดเครื่องยนต์แบบใหม่จะปรับตัวเองแบบอัตโนมัติให้แข็งขึ้น ส่งผลดีต่อความสบายและมาพร้อมกับไดนามิกส์ที่ดีในการขับขี่

Mild Hybrid ระบบไฟฟ้า 48V ทำให้ OM656 แยกระบบไฟออกเป็นสองชุด เพื่อความเสถียรในการใช้พลังงานไฟฟ้าหล่อเลี้ยงอุปกรณ์ต่างๆ และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยสายพาน เช่น ปั๊มน้ำและคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ โดยแทนที่ด้วย ‘Integrated Starter-Alternator’ (ISG) การติดตั้งระบบ Mild Hybrid ช่วยลดทั้งขนาดเครื่องยนต์และความซับซ้อนของเครื่อง ในส่วนของการใช้งานระบบไฟส่องสว่าง จอภาพมาตรวัด จอภาพมอนิเตอร์กลางและชุดควบคุมต่างๆ ที่ต้องการกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงการทำงาน OM656 ยังมาพร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 12V เหมือนเดิม 

ISG Integrated Starter-Alternator ไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นมอเตอร์ไฮบริด เพื่อให้เครื่องยนต์มีกำลังเพิ่มขึ้น (เล็กน้อย) 15kW/220Nm ทันทีเมื่อสตาร์ตเครื่อง ช่วยอำนวยความสะดวกในการนำพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียบกลับมาใช้ใหม่ และช่วยให้ระบบ Auto Strart/Stop ทำงานขณะจอดรอการเคลื่อนตัวเพื่อลดมลพิษ การใช้ระบบ Mild Hybrid 48V ยังช่วยให้วิศวกรสามารถติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าเสริม (eZV) ที่สามารถหมุนได้สูงถึง 70,000 รอบต่อนาที ภายในระยะเวลาเพียงแค่กะพริบตาหรือแค่ 0.3 วินาที เพื่อให้การตอบสนองของคันเร่งแบบฉับพลันทันทีและไม่มีอาการเทอร์โบแล็ก เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร กับเครื่องแถวเรียง inline-six เครื่องแถวเรียงแบบใหม่ มีกำลังที่สูงกว่า 55 กิโลวัตต์ แรงบิดเพิ่มขึ้นประมาณ 20 นิวตันเมตร ปล่อย CO2 น้อยลง 15% บล็อกเครื่องยนต์ที่หล่อขึ้นรูปด้วยอะลูมิเนียมทั้งหมด โดยใช้ลูกสูบเหล็ก เพื่อประโยชน์ในการส่งกำลัง และประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น จากความแตกต่างของการขยายตัวทางความร้อน การนำโลหะเหล็กมาใช้เป็นลูกสูบ แต่บล็อกเครื่องยนต์เป็นอะลูมิเนียม วิศวกรสามารถลดแรงเสียดทานภายในได้ถึงครึ่งหนึ่ง ในขณะที่ประสิทธิภาพทางอุณหพลศาสตร์มีค่าที่เหนือกว่าเครื่องยนต์รุ่นเก่ามาก

9G-TRONIC ระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G‑TRONIC พร้อมทอร์กคอนเวอร์เตอร์ที่ปรับปรุงใหม่ ได้รับการดัดแปลงเป็นพิเศษ เพื่อตอบสนองความต้องการในการขับที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซาลูนหรูอย่าง New S-Class หรือแม้แต่เอสยูวีใหญ่ยักษ์อย่าง GLS350d นักพัฒนาซอฟต์แวร์ใช้แอปพลิเคชันเฉพาะ เพื่อลดเวลาในการเปลี่ยนและตอบสนองของเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด อัตราทดเกียร์ที่กว้าง ไม่เพียงทำให้การขับเคลื่อนเงียบและสบายขึ้น โดยเฉพาะที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำ แต่ยังช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเกียร์หนึ่งเมื่อออกตัว คันเร่งไฟฟ้าออกแบบให้ตอบสนองต่อองศาของการกดด้วยฝ่าเท้าได้อย่างรวดเร็ว คุณจะรู้สึกประทับใจกับแรงบิดของเครื่องยนต์และความนวลของเกียร์ 9-G โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องออกตัวอย่างรวดเร็วจากสัญญาณไฟจราจร รถคันใหญ่ที่ประจำการด้วยเครื่องยนต์รุ่นนี้แม้จะมีน้ำหนักตัวบานเบอะ แต่ให้ความคล่องตัวอย่างเห็นได้ชัด ในระหว่างการวิ่งระยะสั้นในเมืองภายใต้ภาระการจราจรที่คับคั่ง

New Transfer Case ชุดถ่ายเทแรงบิดไปที่เพลาขับหน้าแบบใหม่ ติดตั้งหน้าแปลนเข้ากับระบบเกียร์ 9G-TRONIC โดยตรง ออกแบบมาเพื่อส่งถ่ายแรงบิด 40% ไปยังเพลาหน้าและ 60% ไปยังเพลาล้อหลัง การกำหนดค่านี้ ทำให้การควบคุมบนท้องถนนมีความเสถียรและคล่องตัวสูงสุด ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบถาวร 4Matic ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการยึดเกาะในระดับสูงสุด ชุดเกียร์ทดรอบต่ำในเอสยูวีอย่าง GLS350d เมื่อขับบนเส้นทางออฟโรด new transfer case จะช่วยเพิ่มแรงบิดที่ล้อขับเคลื่อนได้มากยิ่งขึ้น

DYNAMIC SELECT พร้อมให้ใช้งานได้ถึงห้าโหมดสำหรับ GLS350d และ S350d ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ช่วยให้ปรับคุณลักษณะการขับเคลื่อนของรถได้ตามความต้องการในไม่กี่วินาทีด้วยการกดปุ่มสั่งงาน ระบบจะปรับเปลี่ยนคุณลักษณะและการตอบสนองของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง 9-G ระบบกันสะเทือน Adaptive Air Suspension (Air Matic) และชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้า โดยทำงานขึ้นตรงต่อโหมดที่ถูกเลือก เช่น ECO Comfort Sport Sport + Individual นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่แบบใหม่ ตัวอย่างเช่น ระบบช่วยเบรกแบบแอกทีฟ สามารถป้องกันการชนที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือบรรเทาผลกระทบที่ตามมา และช่วยเหลือผู้ขับระหว่าง ทำการเบรกฉุกเฉิน หากจำเป็น ระบบจะเบรกโดยอัตโนมัติ หากคนขับไม่ดำเนินการ หรือไม่มีการตอบสนองใดๆ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์หรืออันตรายที่เซนเซอร์ตรวจพบ

เพลาหน้าแบบใหม่ของ GLS ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง โดยสามารถรักษาสมรรถนะทางวิบากและความสามารถแบบออฟโรดของรุ่นก่อนไว้ได้ (บางส่วน) ส่วนประกอบของระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกสองชั้น ติดตั้งโดยตรงกับเฟรมแบบขั้นบันได โดยไม่มีการใช้เฟรมแยกย่อย จุดยึดของปีกนกล่างบนเฟรมติดตั้งในรูปตัว Z และอยู่ในตำแหน่งสูงที่สุด การจัดวางตำแหน่งของปีกนกในลักษณะดังกล่าว นี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการขับด้วยความเร็วสูงบนไฮเวย์.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/