MAZDA BT-50 คาราวานปันสุข นครสวรรค์ กำแพงเพชร ช่องเย็น




Mazda Sales Thailand นำคาราวานรถปิกอัพ BT-50 ทั้งรุ่นขับสองและขับสี่ เกียร์ออโตและเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อไปแบ่งปันความสุขให้กับเยาวชน ณ โรงเรียนวิชาวดี ร่วมกับผู้จำหน่าย Mazda ส. อรุณ ออโต้กรุ๊ป ด้วยการมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬาและเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน พร้อมรับฟังแง่คิดดีๆ ในการดูแลลูกค้าและพนักงานจากผู้บริหารผู้นำพาบริษัท ส. อรุณ ออโต้กรุ๊ป ท่ามกลางสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนและการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างกำลังใจและผลักดันให้คนไทยก้าวข้ามผ่านสถานการณ์ความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน กับกิจกรรม “MAZDA CARAVAN ปันสุข…คนไทยก้าวไปด้วยกัน”

โครงการ Mazda ปันสุข เป็นโครงการที่จัดขึ้นเพื่อส่งมอบความสุขให้กับคนไทยทั่วประเทศ ภายหลังจากที่ทุกคนต่างได้รับความยากลำบากจากการระบาดของโรคโควิด-19 โดยได้ริเริ่มโครงการฯ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2563 และเดินหน้าจัดโครงการฯ เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในปี 2565  Mazda จัดกิจกรรมโดยใช้ชื่อว่า “MAZDA CARAVAN ปันสุข…คนไทยก้าวไปด้วยกัน” โดยออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางต่างๆ ในประเทศไทย ด้วยคาราวานรถ Mazda BT-50 รถปิกอัพตัวขายของ Mazda กิจกรรมในปี 2565 Mazda เดินทางไปแล้วยังสองจุดหมายปลายทาง ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดสุราษฎร์ธานี ระหว่างวันที่ 7-8 กรกฎาคม 2565 และ 11-12 กรกฎาคม 2565 ตามลำดับ

สำหรับกิจกรรม “MAZDA CARAVAN ปันสุข…คนไทยก้าวไปด้วยกัน” ทริปนี้ นับเป็นทริปที่ 3 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-21 กรกฎาคม 2565 โดยเกิดจากความร่วมมือระหว่าง Mazda Sales Thailand กับผู้จำหน่ายรถยนต์ Mazda ส.อรุณ ออโต้กรุ๊ป จังหวัดนครสวรรค์ ในการแบ่งปันน้ำใจให้กับเยาวชน ด้วยการมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา และเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน ณ โรงเรียนวิชาวดี โดยคณะได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าไปยังจังหวัดนครสวรรค์ ด้วยคาราวานรถปิกอัพ มาสด้า บีที-50 ใหม่ เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชน ทดสอบ Mazda BT-50 เครื่องยนต์ดีเซล 2 ขนาดความจุ ได้แก่ BT-50 3.0 ลิตร 190 แรงม้า และ BT-50 1.9 ลิตร 150 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด 

Mazda BT-50 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคมปี 2564 ผนวกคุณสมบัติ ของรถปิกอัพในเมืองไทย รูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกระบะ Mazda ผสานกับจุดเด่น จากความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Isuzu เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร เทอร์โบ เน้นประหยัดน้ำมัน ความทนทานของระบบขับเคลื่อน ค่าดูแลรักษาต่ำ 

ปัจจุบันผู้ซื้อรถปิกอัพ ไม่ได้มองเพียงแค่ความแข็งแกร่ง ความทนทานในการใช้งาน หรืออัตราการประหยัดน้ำมัน แต่มีความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ ช่วงล่าง และความคงทน มีการให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และความสะดวกในการใช้งาน สำหรับแนวคิดการออกแบบ BT-50  คือ การผสมผสานความแข็งแกร่งทนทาน รูปทรงด้านหน้า สไตล์รถเอสยูวี ไฟหน้าแบบรถเก๋ง Mazda มิติตัวถังขนาดใหญ่ ผนวกกับสัดส่วนของรถ และความอเนกประสงค์ของกระบะท้ายสำหรับการบรรทุกสัมภาระ หลังจากที่ได้เดินทางบนระยะทางกว่า 200 กม. เมื่อไปถึงจังหวัดนครสวรรค์เพื่อมุ่งไปยังโชว์รูม Mazda ส. อรุณ ออโต้กรุ๊ป ซึ่งเป็นโชว์รูม Mazda เพียงแห่งเดียวในจังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพูดคุยกับ สมเกียรติ อรุณวราภรณ์ ถึงกลยุทธ์ ในการบริหารงาน เพื่อส่งมอบความพึงพอใจให้กับลูกค้าที่เลือกใช้รถยนต์ Mazda ในจังหวัดนครสวรรค์

สมเกียรติ อรุณวราภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ส.อรุณ ออโต้กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า Mazda ส. อรุณ ได้เข้ามาทำธุรกิจเป็นผู้จำหน่ายรถยนต์ Mazda อย่างเป็นทางการในปี 2564 เป็นดีลเลอร์ที่ค่อนข้างใหม่ แต่มีประสบการณ์ในการธุรกิจ จึงมีกลุ่มลูกค้าค่อนข้างมากและมีความหลากหลาย แต่ทั้งนี้แล้วก็เป็นเรื่องท้าทาย ในการหาวิธีทางเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย หลักสำคัญในการทำธุรกิจนั้นต้องวางอยู่บนรากฐานของความซื่อสัตย์และชัดเจน ต่อทั้งลูกค้าและพนักงาน ในด้านลูกค้า ต้องส่งมอบการขายและการบริการด้วยความสัตย์จริง ไม่เอาเปรียบลูกค้า ช่วยเหลือลูกค้าให้ได้รับสิ่งที่ดีที่สุด ส่วนในด้านพนักงาน ยึดหลักการบริหารงานที่เป็นธรรม ไม่เอาเปรียบพนักงาน และให้การดูแลพนักงานเสมือนคนในครอบครัว ซึ่งทำให้พนักงานสบายใจ และอยากที่จะทำงานเพื่อมุ่งสู่จุดมุ่งหมายที่เราวางไว้ เชื่อว่าด้วยหลักในการทำงานนี้ จึงทำให้ Mazda ส. อรุณ ก้าวผ่านอุปสรรคและวิกฤตต่างๆ มาได้

นายสมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เนื่องจากอยู่ในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การทำงานด้วยความรวดเร็ว ชัดเจน และทำงานแบบเชิงรุก จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุดและฉับไว ซึ่งพนักงานและช่างเทคนิค มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ ทำให้สามารถส่งมอบการบริการให้แก่ลูกค้าได้ ซึ่งจุดมุ่งหมายของ Mazda ส. อรุณ คือการเป็นโชว์รูมและศูนย์บริการ Mazda แบบครบวงจร เพื่อให้การบริการกับลูกค้าในจังหวัดนครสวรรค์ มีการทำการตลาดในเชิงรุกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ควบคู่กับการสร้างความแข็งแกร่งและยั่งยืนของธุรกิจ เพื่อเข้าถึงลูกค้า ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับ เป็นอย่างดี และมียอดขายที่น่าพอใจ”

หลังจากนั้น คณะเดินทาง “MAZDA CARAVAN ปันสุข…คนไทยก้าวไปด้วยกัน” ทั้งผู้จำหน่าย ดีลเลอร์ และสื่อมวลชน จึงได้ออกเดินทางไปส่งมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนการสอน อุปกรณ์กีฬา พร้อมเลี้ยงอาหารกลางวันเด็กนักเรียน รวมเป็นมูลค่ากว่าทั้งสิ้นกว่า 70,000 บาท ณ โรงเรียนวิชาวดี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อให้น้องๆ เยาวชนที่ขาดแคลนได้มีโอกาสเข้าถึงสื่อการเรียนการสอนและการศึกษาที่ดี เพื่อนำไปต่อยอดและนำความรู้ไปประกอบอาชีพต่อไปในอนาคต ก่อนที่คณะจะออกเดินทางไปเยี่ยมชมช่องเย็น อุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และกลับเข้าพักผ่อนที่โรงแรมที่พัก ก่อนที่เช้าวันรุ่งขึ้น จะเดินทางไปเยี่ยมชม พาสาน สัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา และเดินทางกลับกรุงเทพฯ 

สำหรับกิจกรรม “MAZDA CARAVAN ปันสุข…คนไทยก้าวไปด้วยกัน” จะออกเดินทางอีก 1 ทริป มุ่งหน้าไปยังจังหวัดจังหวัดสุรินทร์ ระหว่างวันที่ 3-4 สิงหาคม 2565 เพื่อส่งมอบความสุขให้คนไทยทุกคน พร้อมมอบสิทธิพิเศษและความคุ้มค่าสำหรับลูกค้าที่สนใจรถปิกอัพ BT-50 ข้อเสนอ ดาวน์ต่ำสุด 15% ผ่อนนาน 84 เดือน และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Mazda Premium Insurance 1 ปี หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โชว์รูม Mazda ใกล้บ้าน

MAZDA BT-50
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่รถปิกอัพ Mazda B1500 B-Series เปิดตัวที่ประเทศญี่ปุ่น ในเดือนสิงหาคม ปี 1961 หลังจากนั้นจึงตามด้วยกระบะโมเดลแกร่งของค่าย เรียกได้ว่า BT-50 เป็นรถที่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างยาวนาน ถึงแม้ Mazda จะมีรถเก๋งจำหน่ายอยู่หลายรุ่นก็ตาม กระบะรุ่นนี้ ตอบสนองวัตถุประสงค์ในการเป็นรถเพื่อบรรทุกสัมภาระ รถปิกอัพ Mazda BT-50 ใหม่ ถูกพัฒนาขึ้นจากพื้นฐานของรถกระบะ ที่รวมถึงอัตราเร่งของเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อออกตัวจากจุดสตาร์ต และความสามารถในการขับขี่บนถนนขรุขระ ขับลุยน้ำได้ถึงระดับ 800 มม. มีความนุ่มนวลพอใช้ และการขับขี่ที่เป็นธรรมชาติ เมื่อต้องการเร่งความเร็ว เช่น การเร่งเครื่องเพื่อให้เหมาะสมกับการจราจรบนทางหลวง BT-50 เครื่องยนต์ 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังที่เพียงพอต่อการใช้งาน ตอบสนองต่อการขับได้อย่างเป็นธรรมชาติ ง่ายต่อการขับแบบออฟโร้ด หรือเลี้ยวในที่แคบ กระบะท้าย รับน้ำหนักได้อย่างเพียงพอ และง่ายต่อการขนถ่ายสิ่งของ

BT-50 มีฟังก์ชันที่ช่วยเพิ่มความสะดวกและง่ายต่อการใช้งาน พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง กุญแจรีโมต สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ด้วยรีโมต ฟังก์ชันเปิดไฟในห้องโดยสารอัตโนมัติ (Welcome Light) มือจับที่ช่วยให้ผู้โดยสารแถวหลัง ขึ้นและลงจากรถได้สะดวกขึ้น ระบบ Infotainment หน้าจอแสดงผล WXGA ฟังก์ชันการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน  Mazda BT-50 มีการออกแบบภายใน ด้วยทิศทางแนวราบ ระยะห่างที่เหมาะสมระหว่างเบาะนั่งฝั่งซ้ายและขวา การเย็บที่ประณีตของวัสดุตกแต่งบริเวณคอนโซลส่วนบน รุ่นดับเบิ้ล แค็บ มีการเพิ่มช่องแอร์ด้านหลัง และช่อง USB เทคโนโลยีความปลอดภัยครบ 

กระบะตัวเตี้ย
Mazda BT-50 STD 1.9 E 553,000 บาท
Mazda BT-50 FSC 1.9 C 679,000 บาท
Mazda BT-50 DBL 1.9 C 771,000 บาท
Mazda BT-50 DBL 1.9 S 847,000 บาท

ขับเคลื่อน 2 ล้อหลัง หรือ 4 ล้อ ยกสูง
Mazda BT-50 FSC 1.9 C Hi-Racer 714,000 บาท
Mazda BT-50 FSC 1.9 C Hi-Racer 6 AT 768,000 บาท
Mazda BT-50 FSC 1.9 S Hi-Racer 787,000 บาท
Mazda BT-50 FSC 1.9 S Hi-Racer 6AT 832,000 บาท

Mazda BT-50 DBL 1.9 S Hi-Racer 891,000 บาท
Mazda BT-50 DBL 1.9 S Hi-Racer 6AT 936,000 บาท
Mazda BT-50 DBL 1.9 SP Hi-Racer 1,012,000 บาท
Mazda BT-50 DBL 1.9 SP Hi-Racer 6AT 1,070,000 บาท 

ขับเคลื่อน 4 ล้อ
Mazda BT-50 DBL 4×4 3.0 SP 1,118,000 บาท
Mazda BT-50 DBL 4×4 3.0 SP 6 AT 1,153,000 บาท (คันทดสอบ)

BT-50 ใหม่ ใช้การออกแบบด้วยเส้นสายจากแนวคิด KODO Design มีส่วนหน้าที่คล้ายกับรถยนต์นั่งและรถเอสยูวีตระกูล CX Series มีการควบรวมจุดเด่น ด้วยการนำเอาความต้องการของลูกค้า เช่น การออกแบบทันสมัย สไตล์ปิกอัพยุคใหม่ที่เชื่อมโยงกับรถเอสยูวีหรู การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ พร้อมระบบความปลอดภัยที่ควบรวมการขับใช้งานในทุกรูปแบบ ห้องโดยสารรุ่น 4 ประตู ให้ความสะดวกสบาย คล้ายกับการขับรถอเนกประสงค์เอสยูวี เป็นรถปิกอัพที่มีความอเนกประสงค์รอบด้าน โดยเฉพาะความแข็งแกร่งทนทานของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่ใช้ร่วมกับแบรนด์ Isuzu ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ การเปิดตัว Mazda BT-50 เจเนอเรชันใหม่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ให้กับตลาดรถปิกอัพ หลังจากที่ Mazda แยกทางกันเดินกับ Ford การหาพันธมิตรที่สามารถแชร์เทคโนโลยีร่วมกันเพื่อลดต้นทุน ก็เริ่มต้นขึ้น การจับมือกับแบรนด์ Isuzu จะทำให้ Mazda ไม่ต้องพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลหรือโครงสร้างหลักของรถ BT-50 ปรับจูนให้สามารถใช้งานได้ในทุกโอกาส จุดเด่นก็คือความทนทาน สวยงาม และมีศูนย์บริการที่ครอบคลุม ด้านหน้ารถประกอบด้วยกระจังหน้าที่สูงและตั้งตรงที่ให้ความรู้สึกสง่าผ่าเผย ซิกเนเจอร์วิงส์ที่แผ่ขยายออกทางด้านข้างและไฟหน้ารูปทรงกระบอกสูบ ก็ทำให้ดูดุดันและแสดงถึงความงดงามอันประณีตที่มองแล้วรู้ได้ทันทีว่าเป็นรถมาสด้า เมื่อมองจากด้านหลัง ซุ้มล้อที่ดูโดดเด่นให้ภาพลักษณ์ที่ทรงพลัง กระบะท้ายที่ทอดยาวไปจนถึงสัญลักษณ์มาสด้าที่ด้านหลัง สร้างความรู้สึกที่ต่อเนื่องจากด้านหน้ารถไปจนถึงด้านหลัง ไฟหน้า LED ได้รับการออกแบบให้มีรูปทรงโฉบเฉี่ยว และเป็นทรงกระบอก ทำให้ได้แสงไฟที่สว่างไสว ดูมีมิติและชัดเจน ที่เห็นแล้วรู้ว่าทันทีว่าเป็นลักษณะการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของมาสด้า ส่วนไฟท้ายก็เป็นรูปทรงกระบอกเช่นเดียวกับไฟหน้า ซึ่งสอดคล้องกับสไตล์การออกแบบไฟทรงกลมอันเป็นลักษณะเฉพาะของ Mazda

ด้านข้างตัวถัง โดยเฉพาะรุ่นดับเบิ้ลแค็บ DBL ใช้เส้นนำสายตาในแนวนอน ลากอยู่ด้านบนจากบริเวณแก้มข้าง ผ่านบานประตูทั้งสองไปจนถึงกระบะท้ายต่อเชื่อมกับขอบของไฟท้าย กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวในตัวแบบ LED กาบบันไดสำหรับเหยียบขึ้นเพื่อเข้าไปในห้องโดยสารใช้วัสดุที่มีความคงทน ล้ออะลูมิเนียมลาย 5 ก้านแบบใหม่ สีเงินสลับสีดำ ขนาด 18 นิ้ว ห่อรัดด้วยยางของ Bridgestone รุ่น Dueler HT 684 ไซส์ 265/60R18 110S

มิติตัวถังของ Mazda new BT-50 DBL มีขนาดความยาว 5,280 มิลลิเมตร เทียบกับความยาวของ Isuzu new D-MAX ที่ 5,265 มิลลิเมตร เทียบกับ BT-50 โฉมที่ผ่านมาซึ่งมีความยาว 5,365 มิลลิเมตร จะพบว่า BT-50 รุ่นใหม่นั้น สั้นกว่ารุ่นที่แล้วเล็กน้อย สำหรับความกว้างของตัวถังของ new BT-50 อยู่ที่ 1,870 มิลลิเมตร เทียบกับความกว้างของ Isuzu new D-MAX ที่ 1,870 มิลลิเมตร เท่ากันพอดิบพอดี และมีความกว้างมากกว่า BT-50 รุ่นที่แล้ว 50 มิลลิเมตร สัดส่วนความสูงของ new BT-50 อยู่ที่ 1,790 มิลลิเมตร เท่ากับความสูงของ new D-MAX แต่เตี้ยกว่า BT-50 รุ่นที่แล้ว 31 มิลลิเมตร ตัวเลขความยาวฐานล้อของ new BT-50 และ new D-MAX เท่ากันพอดิบพอดีที่ 3,125 มิลลิเมตร แต่ฐานล้อของรุ่นใหม่ สั้นกว่า BT-50 รุ่นที่แล้ว 105 มิลลิเมตร

บั้นท้ายเรียบง่าย ฝาท้ายกระบะติดตั้งมือจับที่เปิดฝาท้ายทำจากพลาสติกโครเมียมสีเงิน รุ่นสูงสุดติดตั้งกล้องมองหลังมาให้เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการขับถอยหลัง กันชนหลังเหล็กพ่นสีเดียวกับตัวถังพร้อมพลาสติกกันรอยเมื่อต้องเหยียบกันชนเพื่อขึ้นไปบนกระบะหลัง สำหรับล้อและยางอะไหล่ยังอยู่ในตำแหน่งเดิม (ใต้กระบะหลัง) ด้านบนของกระจกบังลมบานหลังบริเวณขอบ กึ่งกลางของหลังคามีการติดตั้งไฟเบรกดวงที่สาม หลอด LED เพื่อเพิ่มความคมชัดของไฟเบรกขณะที่มีการแตะเบรกเพื่อแจ้งเตือนให้กับรถคันข้างหลังได้รับรู้ ไฟท้ายมีทรงที่คล้ายกับ Isuzu new D-MAX แต่มีรายละเอียดภายในที่แตกต่างกัน จุดที่หยิบเอาของ new D-MAX มาใช้ก็คือ กันชนหลัง และมือจับที่เปิดฝาท้ายพร้อมกล้องมองหลังนั่นเอง

ห้องโดยสารของกระบะรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ Mazda มีการแจ้งในเอกสารว่า การออกแบบภายในห้องโดยสารของ new BT-50 ออกแบบโดยปรับปรุงให้สามารถเข้า-ออกจากประตูหลังได้สะดวกขึ้น เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง พวงมาลัย Talescopic ปรับได้ 4 ทิศทาง ทั้งไกล-ใกล้ หรือสูง-ต่ำ รวมถึงวัสดุป้องกันเสียงถูกติดตั้งเพื่อลดเสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร ลดเสียงลมปะทะตัวถังบริเวณบานประตูหน้า ชิ้นส่วนของ new D-MAX ถูกนำมาปรับใช้ แช่น แดชบอร์ด คอนโซลที่ยกมาทั้งเซต เปลี่ยนแผงควบคุมอุณหภูมิใหม่ ที่เน้นความหรูหรามีระดับคล้ายรถราคาแพง เป็นชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิทัลปุ่มกด โดยได้ดีไซน์ที่ให้ความสวยงามน่าใช้ จอแสดงผลกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัสที่มีฟังก์ชันมากมายก่ายกองใช้ไม่หมด เช่น เนวิเกเตอร์ กล้องมองหลัง การเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก ช่อง USB

มาตรวัดแบบอนาล็อก 2 ชุด โดยมีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่อยู่ตรงกลาง และมีแผงหน้าปัดด้านหลังสีดำสนิท จึงทำให้ตัดกันอย่างชัดเจนระหว่างตัวอักษรสีขาวกับขอบสีเงินของมาตรวัดแบบอนาล็อก ช่องแอร์ถูกวางตำแหน่งในส่วนกลาง ด้านซ้าย และด้านขวา ของคอนโซลหน้า ตกแต่งคอนโซลหน้าด้วยแถบที่ลากยาวจากกลางคอนโซลต่อเนื่องไปยังเบาะนั่งผู้โดยสาร ช่องแอร์และแถบกลางคอนโซลนี้ได้ถูกตกแต่งด้วยสีเงินเข้ม กรอบช่องแอร์สีเงินเข้ม ในขณะที่สีดำด้านตกแต่งแผงคอนโซล

สีภายใน หนังสีน้ำตาลและผ้าสีดำ การตกแต่งภายในด้วยหนัง พร้อมกับเพดานและเสาสีดำ ควบคู่กับเบาะหนัง แผงประตูและส่วนอื่นที่ผู้โดยสารสัมผัสเป็นสีน้ำตาลเข้ม พวงมาลัย Mazda หน้าตาออกในแนวพวงมาลัยรถสปอร์ตเนื่องจากใช้ทรงแบบสามก้าน ด้านขวามือของก้านวงติดตั้งสวิตช์ของระบบปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ด้านซ้ายมือ เป็นปุ่มปรับตั้งและเลือกฟังก์ชันต่างๆ ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มสั่งงานด้วยระบบเสียง ปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงแบบ 4 ทิศทาง ก้านวงหุ้มหนังแท้จับได้กระชับมือดี

คันเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด ออกแบบคล้ายหัวเกียร์ของรถเก๋งมากกว่าจะเป็นหัวเกียร์ของกระบะสายลุย ผลักคันเกียร์มาทางขวา เพื่อเข้าสู่โหมดแมนนวล แล้วใช้คันเกียร์ โยกขึ้นลง (+/-) เพื่อเปลี่ยนอัตราทดบนเส้นทางที่คดเคี้ยว หรือต้องการเรียกแรงบิด รวมถึงการใช้เอนจิ้นเบรกเพื่อลดความเร็วก่อนเข้าโค้งด้วยการลดเกียร์ลงต่ำ ข้างซุ้มคันเกียร์ยังมีสวิตช์ช่วยขับขณะลงหรือขึ้นทางลาดชัน (Hill Descent Control and Hill Start Assist) ช่องเชื่อมต่อ USB มีมาให้หลายตำแหน่งรอบๆ ห้องโดยสาร สำหรับการชาร์จสารพัดอุปกรณ์ไฟฟ้าแบบพกพาขนาดเล็ก ใต้แผงควบคุมอุณหภูมิ เป็นที่อยู่ของปุ่มปรับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีให้เลือกทั้ง 2H 4H 4L ช่องเสียบไฟ DC 12V/120W ปุ่มกดเพื่อยกเลิกการทำงานของแอร์แบ็กที่ตำแหน่งผู้โดยสารตอนหน้า ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ช่องแอร์ทรงสี่เหลี่ยมล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงิน อีกตำแหน่งที่มีการตั้งใจทำให้สวยงามก็คือ งานตกแต่งแผงประตูพร้อมมือจับที่เปิดประตูสีเงินทั้งสี่บาน หนังและพลาสติกที่นำมาใช้ดูดีมีราคากว่าของคู่แข่งแบบเห็นๆ พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ได้รับการติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ช่วยทำให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารมีท่านั่งที่เหมาะสม เบาะนั่ง พนักพิงหลังของเบาะนั่งคู่หน้าทำมาจากเมมโมรี่โฟม (Memory foam) 

ระบบ Infotainment หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัส WXGA หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูง WXGA ขนาด 9 นิ้ว ซึ่งตั้งอยู่ด้านบนของคอนโซลหน้า จอแสดงผล Multi-information Display ขนาด 4.2 นิ้ว ควบคุมระบบนำทางด้วยการสัมผัส เชื่อมต่อ Apple CarPlay® และฟังก์ชัน Android Auto™ รองรับฟังก์ชันการควบคุมการทำงานด้วยเสียง เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่านยูเอสบี ใช้งานแอปพลิเคชันผ่านหน้าจอสัมผัส BT-50

· Apple CarPlay®: สำหรับการใช้ iPhone® ภายในรถ ด้วยการโทรติดต่อ, ส่งข้อความ, ฟังเพลงผ่าน Apple Music®, และค้นหาเส้นทางผ่าน Apple Maps® ด้วยระบบสั่งการแบบเสียง Siri®.

· Android Auto™: สะดวกสบายกว่าในการใช้สมาร์ทโฟนบนรถ โดยพูดว่า “Ok Google” เพื่อใช้ Google Maps, Google Play Music, มิเดีย, และแอปพลิเคชันส่งข้อความ

การควบคุมอุณหภูมิ

ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารด้านหลังในรถปิกอัพมาสด้า BT-50 รุ่น ดับเบิ้ล แค็บ 

การรับน้ำหนัก/บรรทุก

ความกว้างขนาด 1,370 มม. ของกระบะท้าย สัมพันธ์กับส่วนสูงของฝากระบะที่สูงเพียง 734 มม. – (วัดจากพื้นถึงท้ายกระบะ) – ทำให้ง่ายต่อการขนถ่ายสิ่งของทั้งขึ้นและลง ความยาวของกระบะท้ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้ บรรทุกของได้มากขึ้น (ความยาว 2,345 มม. ในรุ่น สแตนดาร์ด แค็บ, 1,834 มม. ในรุ่น ฟรีสไตล์ แค็บ และ 1,571 มม. ในรุ่น ดับเบิ้ล แค็บ)

ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยรีโมท รวมถึงไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารเปิดอัตโนมัติ (Welcome Light) และฟังก์ชันล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจออกห่างจากตัวรถ (Walk-away Lock) ของระบบกุญแจอัจฉริยะ รวมกับฟังก์ชัน Follow Me Home Light เมื่อเข้าหรือออกจาก BT-50 ในรุ่นดับเบิ้ล แค็บ มีที่วางขวดน้ำขนาด 1.5 ลิตร สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ช่องเสียบ USB สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง

จุดที่ทำออกมาได้ดีสำหรับงานตกแต่งภายในของ Mazda new BT-50 ก็คือ เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ที่สวยงาม ตัวเบาะคนขับในรุ่นสูงสุดปรับไฟฟ้า แต่เบาะคนนั่งยังใช้การปรับด้วยมือเหมือนเดิม ควรจะให้เบาะไฟฟ้าคู่หน้ามาได้แล้วสำหรับรุ่นสูงสุด เนื่องจากNissan Navara รุ่นท็อปนั้น มาพร้อมกับเบาะไฟฟ้าคู่หน้าทั้งสองตัว เบาะหนังไวนิลของ BT-50 ใช้โทนสีน้ำตาล มีรูระบายเพื่อลดความอับชื้น เบาะคู่หน้ามีรูปทรงแบบสปอร์ต พร้อมที่รองบริเวณหัวไหล่และด้านข้างของตัวเบาะที่ออกแบบเพื่อป้องกันไม่ให้ตัวขยับไปมาเมื่อเข้าโค้ง พนักเท้าแขนบริเวณถัดจากซุ้มเกียร์ ออกแบบให้เป็นกล่องเก็บของเล็กๆ ที่ใช้เก็บของกระจุกกระจิกได้ดี จุดต่อมาที่ทำออกมาดีก็คือ วัสดุหุ้มหลังคาด้านในของห้องโดยสาร เป็นวัสดุพวกใยสังเคราะห์สีดำ ออกแบบให้ช่วยซับเสียงไปในตัว หลังคาของ new BT-50 รุ่นสูงสุดมีลำโพงติดตั้งอยู่ด้านบนอีกต่างหาก จุดของไฟส่องสว่างด้านหน้าในห้องโดยสาร มีที่ใส่แว่นกันแดดมาให้เพื่อความสะดวกในการเก็บแว่นตาราคาแพง เบาะหลังมีพื้นที่ไม่มาก แต่ก็พอเพียงสำหรับผู้โดยสารสองคน พร้อมช่องแอร์ตรงกึ่งกลางระหว่างเบาะคู่หน้าเพื่อให้ลมเย็นกับคนที่นั่งอยู่ด้านหลังในวันที่มีอากาศร้อน

เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 3.0 ลิตร
สำหรับเจ้า BT-50 คันทดสอบซึ่งเป็นรถรุ่นสูงสุด DBL 4×4 3.0 SP 6 AT ค่าตัว 1,153,000 บาท วางเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรความจุ 2,999 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 95.4 มิลลิเมตร ช่วงชัก 104.9 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.3:1 กำลังสูงสุด 140 กิโลวัตต์ หรือ 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 3.2 ของ Ford ที่ประจำการอยู่ใน BT-50 รุ่นท็อปสุดโฉมที่แล้วก็พบว่าเครื่องยนต์ 3.2 ลิตรของ Ford ที่อยู่ใน BT-50 ตัวสุดท้ายมีกำลัง 200 แรงม้า และมีแรงบิดมากกว่าที่ 470 นิวตันเมตร แต่ความแข็งแกร่งทนทานและความเสถียรของเครื่องยนต์นั้น เครื่องดีเซล 3.0 ลิตร ของ D-MAX ที่วางอยู่ใน New BT-50 เหนือกว่าในด้านความเหนียว ระบบคอมมอนเรลแรงดันสูงที่ฉีดเชื้อเพลิงที่แรงดันสูงสุดถึง 250 เมกะปาสกาล (MPa) และ VGS เทอร์โบที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีการเคลือบฉนวนที่ลูกสูบและเกียร์ Double-scissors 

เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.9 ลิตร
เครื่องยนต์ดีเซล 1.9DDi เทอร์โบ แถวเรียง 1.9 ลิตร ปริมาตรความจุ 1,898 ซีซี ความกว้างกระบอกสูบ 80.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 94.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5:1 ให้กำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ หรือ 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบต่อนาที เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 2.2 ลิตร ของ Ford ใน BT-50 โฉมที่แล้ว ก็พบว่า เครื่องดีเซล 2.2 ลิตร ตัวเก่า มีแรงบิดมากกว่าเล็กน้อยที่ 375 นิวตันเมตร แต่มีแรงม้าเท่ากันพอดีที่ 150 แรงม้า ระบบควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานแม่นยำอัตราทดเกียร์ที่เหมาะสม เสริมการควบคุมอัตราเร่งที่เพิ่มความเร็วรอบเมื่อออกจากจุดสตาร์ท และระบบหล่อเย็น EGR ถูกติดตั้งมาในฝาสูบ พร้อม Water Jacket ช่องทางระบายความร้อนด้วยน้ำภายในเสื้อสูบและฝาสูบในท่อทางเดิน EGR 

ระบบเกียร์
Mazda BT-50 ใหม่ มีให้เลือกทั้งเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด สิ่งที่ต้องการสำหรับการเลือกใช้งานระบบเกียร์ธรรมดา ซึ่งรถปิกอัพ BT-50 มีการเพิ่มความแข็งแรงของคันเกียร์เพื่อให้การเปลี่ยนเกียร์ราบรื่น มั่นคง และกระชับ ระบบเกียร์อัตโนมัติมีขนาดกะทัดรัด ชุดตัดต่อกำลังน้ำหนักเบา และระบบล็อกอัพที่ทรงพลัง ซึ่งส่งผลให้รถมีการตอบสนองที่ดีเมื่อออกตัว

ระบบขับเคลื่อนแบบ 4×4
รุ่น 4×4 ใช้เพลาขับที่ทำจากอะลูมิเนียมจึงทำให้มีน้ำหนักเบา เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเกียร์ส่งกำลัง สลับโหมดการขับเคลื่อนและการทำงาน 4H/4L ได้เร็วขึ้นเมื่ออยู่ในโหมดขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือ 4×4  มาพร้อมกับระบบล็อกเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS)

รถปิกอัพมาสด้า BT-50 ใหม่ มาพร้อมกับระบบ TCS ที่ช่วยในการป้องกันล้อหมุนฟรี ช่วยควบคุมกำลังขับที่เหมาะสม และให้ความคล่องแคล่วเมื่อขับขี่บนพื้นผิวขรุขระเพิ่มการควบคุมที่แม่นยำ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยและสามารถขับขี่ได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่บนพื้นถนนที่เปียกหรือปกคลุมด้วยหิมะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงพื้นถนนที่เป็นกรวดหรือโคลนที่เป็นอุปสรรคต่อการขับขี่

ประสิทธิภาพการขับลุยน้ำ
ท่ออากาศหลักถูกติดตั้งอยู่ด้านหน้าเหนือแผงด้านบนของหม้อน้ำ และมีโครงสร้างที่ช่วยให้ช่องว่างรอบท่อปิดสนิท เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าสู่ระบบท่ออากาศ จึงทำให้รถ BT-50 สามารถขับลุยน้ำได้ 800 มิลลิเมตร

โครงสร้างตัวถัง
46% ของโครงสร้างตัวถังผลิตขึ้นจากเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง (High-tensile steel) เกรด 390-980 เมกะปาสกาล (MPa) ผสานกับการใช้โครงสร้างขนาดใหญ่ทำให้ตัวถังและหลังคามีความแข็งแรงสูงแต่มีน้ำหนักน้อยลง ด้วยการปรับคุณสมบัติของยางรองตัวถังที่ช่วยยึดห้องโดยสารไว้กับโครงแชสซีจึงทำให้มีเสถียรภาพในการขับขี่ที่ดีขึ้นช่วยลดเสียงรบกวน ลดการสั่นสะเทือนและความกระด้าง (Noise, Vibration and Harshness หรือ NVH) ได้เป็นอย่างดี

ระบบกันสะเทือน
ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระปีกนกคู่ (Double-Wishbone) และชุดแหนบ (Leaf Spring) ทำให้ช่วงล่างของรถปิกอัพมาสด้า BT-50 สามารถให้การควบคุมรถอย่างมีเสถียรภาพและขับขี่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ในรุ่น ยกสูง ยังได้มีการเสริมตัวยึดด้านหน้ากันโคลง เพื่อเพิ่มความสมดุลให้กับตัวรถมากขึ้น

ระบบพวงมาลัย
รัศมีวงเลี้ยวต่ำสุดถึง 6.1 เมตร ซึ่งทำให้ BT-50 ง่ายต่อการเลี้ยว โดยในรุ่นยกสูง ส่วนประสิทธิภาพในการลดเสียงรบกวน ลดการสั่นสะเทือน และลดความกระด้าง (NVH) การติดตั้งแผงคอนโซลกลางที่ยึดกับพื้นตัวถังและการติดตั้งแผงคอนโซลหน้าได้รับการปรับให้เหมาะสมเพื่อลดการสั่นสะเทือนที่ส่งมาจากโครงแชสซี มีการติดตั้งโฟมเข้าไปภายในเสาแต่ละต้นเพื่อช่วยดูดซับเสียงจากแผงประตูด้านข้าง รวมไปถึงพรมปูพื้นและฉนวนได้ถูกผลิตขึ้นเป็นชิ้นเดียวกัน แผงหน้าปัดติดตั้งอยู่กับตัวถังโดยตรงเพื่อลดการสั่นสะเทือนที่ส่งไปยังพวงมาลัย

ดิสก์เบรกหน้าสำหรับ BT-50 มีทั้งหมด 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 17 และ 15 นิ้ว ในขณะที่ด้านหลังใช้ดรัมเบรกขนาด 15 นิ้ว มีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหม้อลมเบรก 

ความปลอดภัยเชิงป้องกัน
ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ABSM เป็นระบบเซนเซอร์เพื่อตรวจจับเมื่อมีรถเคลื่อนที่เข้ามาทางด้านหลังเมื่อเปลี่ยนเลน โดยระบบจะส่งสัญญาณเตือนบนกระจกเพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัย ซึ่งเป็นเซนเซอร์ตัวเดียวกันที่ใช้กับระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA) ที่ช่วยส่งสัญญาณเตือนคนขับเมื่อตรวจพบว่ามีรถยนต์กำลังเคลื่อนที่เข้ามาจากทางด้านหลัง

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน Hill Descent Control (HDC) ระบบควบคุมเครื่องยนต์และเบรกเพื่อควบคุมอัตราเร่งและรักษาความเร็วเมื่อขับรถลงทางลาดชัน ช่วยให้ผู้ขับขี่มีสมาธิในการควบคุมพวงมาลัย และมั่นใจยิ่งขึ้นเมื่อขับรถลงจากทางลาดชัน

ระบบช่วยออกตัวรถขณะอยู่บนทางลาดชัน (HLA) เมื่อคนขับยกเท้าออกจากแป้นเบรกเพื่อเร่งเครื่องยนต์จากจุดออกตัวบนทางลาดชัน ระบบเบรกจะยังคงทำงานเพื่อป้องกันไม่ให้รถไหลไปข้างหลัง เพื่อช่วยให้การขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ระบบช่วยจอด Parking Aid เซนเซอร์ 4 ตัวบนกันชนด้านหน้าและด้านหลังจะช่วยกะระยะห่างระหว่างรถกับวัตถุ โดยระบบจะส่งเสียงแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อรถเคลื่อนเข้าไปใกล้วัตถุจนถึงระยะห่างที่กำหนด

ไฟหน้าแบบ LED ไฟหน้าสูงและต่ำเป็นแบบหลอด LED ให้ลำแสงสีขาวสว่างช่วยให้มองเห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ในเวลากลางคืนและช่วยประหยัดพลังงาน

ความปลอดภัยเชิงปกป้อง

ระบบถุงลมนิรภัย SRS นอกจากถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับและฝั่งผู้โดยสารที่เป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยขั้นพื้นฐานแล้ว BT-50 ใหม่ ยังมีม่านถุงลมนิรภัยและถุงลมนิรภัยด้านข้าง ที่ช่วยลดอันตรายที่อาจจะเกิดกับศีรษะและหน้าอกของผู้ขับและผู้โดยสาร ซึ่งรถรุ่นนี้มาพร้อมกับถุงลมนิรภัยรวมสูงสุด 6 ตำแหน่ง

การป้องกันผู้โดยสาร เบาะนั่งด้านหน้าถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดความรุนแรงจากการบาดเจ็บที่คอเมื่อเกิดการชนท้าย และยังมีเซนเซอร์แจ้งเตือนให้คาดเข็มขัดนิรภัยด้านหน้า ที่ช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารคาดเข็มขัดนิรภัย

ทุกอย่างของ new BT-50 รุ่นสูงสุดนั้นโอเคเลยล่ะครับ เป็นรถปิกอัพยกสูง 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ทำออกมาดีพอสมควร ยกเว้นช่วงล่าง กับสัมผัสของพวงมาลัย ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของกระบะ Mazda แต่พอมาใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Isuzu new D-MAX ช่วงล่างที่โดดเด่น กับพวงมาลัยอย่างคม และมีความแม่นยำในรถรุ่นที่แล้ว หายไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าคุณเป็นคนที่ขับไม่เร็ว อาการดังกล่าวแทบจะไม่รู้สึก แต่ถ้าเป็นพวกเท้าหนักสายโหด ชอบใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง ลงคันเร่งลึกบ่อยๆ และเคยครอบครอง Mazda BT-50 โฉมที่แล้ว คุณจะรู้สึกได้ถึงความย้วยเมื่อลองขับ อาการย้วยและกระเด้งกระดอนเมื่อวิ่งตัวเปล่าไม่ได้บรรทุกสัมภาระ ยังคงเกิดกับ D-MAX และ BT-50 แต่แลกกลับด้วยความทนทาน ไม่จุกจิกกวนใจ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างนั้นไม่ได้สลับซับซ้อนหรือใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอะไร ออกแนวถึกทนอยู่รับใช้กันนานปี เหมือนมีกระบะถึกๆ อยู่ในบ้าน ซึ่งมีหน้าตาเป็นรถเก๋งของ Mazda นั่นเองล่ะครับ.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/