4 กิโล-ลิตร! ปิศาจความเร็วตัวสุดท้ายที่ใช้เครื่องยนต์ Mercedes-AMG GT Track Series




ผลตอบแทนที่มีความสุขในช่วงบั้นปลาย สำหรับเศรษฐีที่พอจะขับรถแรงไหว การซื้อซุปเปอร์คาร์ที่ใช้เครื่องยนต์ เป็นการสั่งลาก่อนที่พวกมันทั้งหมดจะกลายไปเป็นรถใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่น่าเบื่อ ใช่แล้วครับ AMG จะมีอายุครบ 55 ปีในปีนี้และยังคงทำให้ Mercs ที่ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนมีกล้ามเนื้อมากขึ้น และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการครบรอบดังกล่าวที่ยืนยาวกว่า BMW M 5 ปี บริษัทผลิตรถพลังสูงใน Affalterbach ได้ทำในสิ่งที่แฟนๆ คาดหวังไว้อย่างแท้จริง โดยเผยให้เห็นถึงโฉมหน้าของปิศาจความเร็วลำใหม่ นั่นก็คือ Mercedes-AMG GT Track Series ที่มีพละกำลังมากกว่าเดิม

‘พลังมากกว่านั้นดียังไง เพราะรถไฟฟ้าทุกวันนี้ก็แรงระเบิดระเบ้ออยู่แล้ว?’ ดูอย่าง Taycan GTS ที่เพิ่งจะโผล่ออกมา นั่นเป็นรถไฟฟ้าที่มีแรงบิด 850 นิวตันเมตรเชียวนะ เครื่องยนต์ใหญ่ขนาดไหนกันถึงจะผลิตแรงบิดได้ในระดับนั้น นั่นเป็นคำถามที่ดี เจ้า Track Series มีพื้นฐานมาจาก GT Black Series ที่ค่อนข้างเร็วโคตรๆ อยู่แล้ว ในสนามปราบเซียนอย่างนรกเขียว Nürburgring นี่คือรถที่ทำให้นักแข่งที่พยายามทำลายสถิติถึงกับเหงื่อตก มีการเพิ่มเอาต์พุตจากเครื่องยนต์ V8 bi-turbo 4.0 ลิตร ยกระดับความแรงจาก 720 แรงม้า เป็น 767 แรงม้า ในขณะที่แรงบิดเพิ่มขึ้นจาก 590 ปอนด์-ฟุต เป็น 627 ปอนด์-ฟุต หรือจาก 799 นิวตันเมตร เป็น 850 นิวตันเมตร นั่นเท่ากับ Taycan GTS พอดิบพอดีเลยทีเดียว แต่ Track Series ยังคงความหลงใหลในเครื่องยนต์กลไกและการระเบิดพลังงานของระบบอัดอากาศ กลิ่นเชื้อเพลิงและไอเสียที่มันระบายออกมา รวมถึงเสียงกระหึ่มของท่อท้าย ขณะที่บายพาสวาว์ลถูกเปิดออกจนสุด ทำให้มันเป็นรถสปอร์ตที่ใช้เครื่องยนต์ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Mercedes-AMG เคยสร้างออกมาขาย นั่นถือว่าบ้ากันพอแรงเลยทีเดียวละครับ 

กำลังแรงบิด 850 นิวตันเมตร เกียร์ 9-G แบบธรรมดา คงรับแรงบิดระดับนั้นไม่ไหว แรงบิดทั้งหมดจึงถูกส่งถ่ายผ่านกระปุกเกียร์รถแข่ง 6 สปีด Sequential AMG 6-speed competition gearbox with mechanical (adjustable) self-locking differential and magnesium casing as well as shift paddles on the steering wheel, pneumatically operated พร้อมเฟืองท้ายแบบปรับได้ ท่อเพลากลางของมันส่งแรงบิดมหาศาล ผ่านเพลาที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งให้การเชื่อมต่อที่ทนทานต่อแรงบิดล้นทะลักจากเครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่

ฝากระโปรงหน้า บังโคลน กาบบันไดข้าง ฝากระโปรงหลัง กันชนหลังล้วนทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ โดยมีการควบคุมน้ำหนักอย่างเข้มงวด (ไม่อนุญาตให้ใช้แผ่นบุภายในหรือกระจกไฟฟ้า ขออภัยสำหรับพัดลมระบายความร้อนที่แสนจะสะดวกสบาย) ทำให้วิศวกรของ AMG ลดน้ำหนักลงเหลือแค่ 1,400 กิโลกรัม

ในขณะเดียวกันล้อลายใหม่ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีฟอร์จ AMG light alloy wheels ล้อหน้า 12×18″, ล้อหลัง 13×18″ ยาง pirelli slick tyres หน้า 325/660-18 / หลัง 325/705-18 ส่วนสปริตเตอร์ด้านหน้าได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับ GT Track Series เพื่อเพิ่มแรงกดส่วนหน้าขณะทำความเร็ว

แอร์โรพาร์ทแทบทุกจุดสามารถปรับได้ เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถปรับแต่งรถของตนได้อย่างละเอียด และเข้ากับผังของสนามแข่งที่มีความแตกต่างกันออกไป ในสนามหนึ่ง คุณอาจเซตให้รถเกาะโค้งด้านซ้ายมากกว่า แต่อีกสนามหนึ่ง คุณต้องการสร้างแรงกดที่สมดุลทั่วทั้งคันเพื่อไปให้เร็วขึ้น แดมเปอร์ Bilstein แบบปรับได้ เหล็กกันโคลงก็ปรับตั้งได้ ส่วนปีกหลัง ไม่ต้องสืบเพราะมันปรับด้วยระบบกลไกได้ AMG GT Track Series ยังมีเบรก ABS, ไฟเบรกแบบพิเศษ, พวงมาลัยและแป้นเหยียบแบบรถแข่ง F1 ที่ใช้งานบนถนนสาธารณะแล้วดูแปลกๆ ปุ่มบิดของ AP Racing ที่ช่วยเพิ่มระดับประสิทธิภาพของการเบรก ระบบเบรกคาร์บอนเซรามิกเป็นอุปกรณ์มาตรฐานมาจากโรงงาน รวมถึงล้อน้ำหนักเบากับยาง pirelli slick tyres ที่เหมาะกับสนามแข่งมากกว่าเอามาแรดอยู่บนถนนสาธารณะ 

“ทุกอย่างใน GT Track Series นั้นอยู่ภายใต้ปรัชญาด้านสมรรถนะซึ่งเป็นแก่นของแนวคิดของรถยนต์ของเรานับตั้งแต่การก่อตั้ง Mercedes-AMG เมื่อ 55 ปีที่แล้ว” Christoph Sagemüller หัวหน้าทีมพัฒนา Mercedes-AMG Motorsport กล่าว “เราได้ก้าวไปอีกขั้น โดยนำเสนอรถที่มีความสมบูรณ์แบบให้กับลูกค้าของเรา ไม่ใช่แค่ผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นพร้อมประสิทธิภาพและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรุ่นพิเศษเฉพาะที่ผลิตอย่างจำกัดอีกด้วย

ใช่แล้ว AMG จะทำ GT Track Series เพียง 55 คัน สำหรับราคาค่าตัวก็ควักกันไม่มาก อยู่ที่ 369,000 ยูโร (ประมาณ 307,000 ปอนด์) เทียบเป็นเงินบาทไทยยังไม่รวมอัตราภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ 13,619,000 บาท และอย่างที่คุณคาดเดา รถทั้ง 55 คัน น่าจะมีเจ้าของเรียบร้อยไปแล้ว 

หากคุณยืนกรานที่จะขับรถแบบนี้จากสนามแข่งกลับบ้าน ด้วยรถ AMG พลัง 767 แรงม้า โดยไม่แคร์ต่ออาการกระเด้งกระดอน พนักงานของ Mercedes-AMG แจ้งว่า หลังโรงงานยังมี AMG EQS ที่วิ่งได้เงียบกว่าและแรงพอๆ กันพร้อมช่วงล่าง Air Matic ที่สบายกว่าให้เลือกอีกด้วย! 

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/