20 กิโล-ลิตร ช่วงล่างอย่างเนียน! ทดสอบ TOYOTA COROLLA ALTIS GR SPORT HYBRID




ครั้งแรกที่ได้เห็นตัวเป็นๆ ของ New Altis กับรุ่น GR Sport ซึ่งเป็นรถ Corolla รุ่นใหม่ล่าสุดกับระบบขับเคลื่อนไฮบริดเจเนอเรชันที่สี่ของพี่โต เมื่อมองจากรูปทรง คุณอาจหลงเชื่อว่า Toyota รุ่นนี้มีขนาดที่เล็กลงมาก ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็ถูกออกแบบให้มีเรือนร่างที่กะทัดรัด เพื่อเพิ่มความคล่องตัวสำหรับการใช้งานในเมือง ระยะของโอเวอร์แฮงก์หน้าที่สั้นกับส่วนท้ายที่ค่อนข้างลงตัว แม้จะมีขนาดตัวถังที่เล็กกว่า Altis รุ่นที่แล้วนิดหน่อย แต่การออกแบบที่ดี ผสมผสานกับการใช้แพลตฟอร์มใหม่ TNGA ทำให้พื้นที่ภายในของ New Corolla Altis ยังคงมีความกว้างตามมาตรฐานยานยนต์ขนาดเล็กในกลุ่ม c-segment สำหรับ Corolla Altis Hybrid GR Gazoo Racing ยานยนต์พลังงานผสม ติดตั้งชุดแต่ง GR Gazoo Racing มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร บวกมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่สี่ เริ่มต้นการทำตลาดในประเทศไทยเมื่อเดือนตุลาคม 2562 ล่าสุดมีการปรับความสดใหม่ของอุปกรณ์ บวกกับเทคโนโลยีของระบบความปลอดภัย ที่เติมระบบช่วยขับในรูปแบบของ Adaptive Cruise Control เบาะไฟฟ้าคู่หน้าของ GR Sport ระบบเชื่อมต่อที่ทันสมัย กล้องมองภาพด้านหลังพร้อมเซนเซอร์มีการปรับความคมชัดให้ดีกว่าเดิม ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ DRCC แบบ All-speed และระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA ทำให้ New Corolla Altis Hybrid GR Sport มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยเอาไว้หวดกับคู่ต่อสู้ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันอย่าง New Mazda 3 และ Honda Civic เจ้า GR ซีดานนั้นไม่ได้เน้นความแรง แต่มีดีที่ประหยัดน้ำมัน และมีราคาถูกกว่า

New Altis Hybrid GR รุ่นสูงสุด อยู่ที่ 1,114,000 บาท เทียบกับ Mazda 3 2.0 SP Sport รุ่นเพิ่มอุปกรณ์ที่มีค่าตัว 1,198,000 บาท เจ้า GR ของพี่โตถูกกว่า 84,000 บาท และ New Honda Civic 1.5 Turbo RS ราคา 1,199,900 บาท ทำให้ GR Sport ถูกกว่า 85,900 บาท Altis GR Hybrid จัดอุปกรณ์เติมมาให้ใช้เยอะมาก โดยเฉพาะระบบช่วยขับและระบบความปลอดภัย ราคาที่เห็นเกิดจากการลดอัตราภาษีของสรรพสามิตที่เอื้อต่อบริษัทรถยนต์ซึ่งมียานยนต์ประหยัดพลังงานและปล่อยมลพิษต่ำที่วางขายในไทย ถ้าคุณเคยนั่งโดยสารที่เบาะหลังของ Altis โฉมที่แล้ว ขนาดของตัวถังที่เล็กลงของรถรุ่นใหม่กลับไม่ส่งผลกระทบไปถึงพื้นที่ภายใน เบาะหลังยังคงนั่งโดยสารได้อย่างสบาย และถ้าคุณไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่ หรือหนักเป็นร้อยกิโล ก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาอะไรกับการนั่งขับเจ้า GR Hybrid

ทุกวันนี้ โครงสร้าง TNGA หรือ Toyota New Global Architecture แพลตฟอร์มใหม่ของแบรนด์สามห่วง ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงสไตล์การขับของรถ Toyota ทำให้รู้สึกได้ถึงความนิ่มนวลและยึดเกาะกับถนนได้ดี ความสะดวกสบายและคล่องแคล่วว่องไวของระบบขับเคลื่อน สำหรับการใช้งานในเมือง ท่ามกลางการต่อสู้อย่างเข้มข้นในตลาดรถซีดานเล็ก New Altis Hybrid GR Sport ตอบโต้คู่ต่อสู้ด้วยเครื่องไฮบริดที่มีตัวเลขอัตตราสิ้นเปลืองดีสุดในกลุ่ม c-segment แม้จะมีภายในที่ยังคงตามหลังคู่ต่อสู้ แต่ระบบขับเคลื่อน Toyota Hybrid Generations 4 เข้ามากอบกู้ทุกอย่าง และทำให้รถเล็กรุ่นนี้ไม่ตกเป็นรองคู่แข่งในด้านของอัตราสิ้นเปลือง การควบคุมและการปล่อยมลพิษ กับความสามารถในการทรงตัว

New Corolla Altis GR Hybrid ดูทันสมัยขึ้นเยอะ ตัวถังเล็กลง แต่ห้องโดยสารกลับกว้างเท่าเดิม เป็นมนตร์วิเศษในโลกของการออกแบบ ส่วนหนึ่งได้อานิสงส์มาจากแพลตฟอร์มใหม่ Toyota New Global Architecture ที่มีอยู่ใน C-HR และ New Camry ที่สามารถหดหรือขยายพื้นที่ภายนอกภายในได้ตามรุ่นของรถ ซึ่งในประเทศไทยถือว่า New Corolla Altis เป็นรถยนต์รุ่นที่สามที่ใช้แพลตฟอร์มใหม่ ไม่ต้องแจงกันมากก็รู้ว่าช่วงล่างของมันก็ยังถูกปรับให้ขึ้นกว่าเดิม ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบดับเบิ้ลวิชโบน ขนาดของล้อ 17 นิ้ว ที่เหมาะสมกับซุ้มล้อและย่านกำลัง ไม่แบกน้ำหนักล้อมากเกินไป ตัวถังผลิตขึ้นรูปจากเหล็กที่มีคุณภาพในด้านความแข็งแรง การใช้แพลตฟอร์มที่มีความยืดหยุ่นสูง ผลิตออกมาเป็นรถยนต์หลายรุ่นโดยไม่มีการปรับเปลี่ยนมากนักในแบบที่ Toyota และบริษัทรถยนต์ทั่วโลกกำลังทำ หรือทำมานานแล้ว เพื่อลดต้นทุนทั้งการผลิตและการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ ในอนาคต TNGA ก็จะถูกปรับให้สอดรับกับการทำตัวเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ส่วนการออกแบบของ New Corolla Altis Hybrid GR Sport มีการตกแต่งภายนอกโดยใช้วิธีปรับชิ้นส่วนต่างๆ ของรุ่นไฮบริดจนคล้ายกับการนำเอา New Camry มาขัดเกลาย่อส่วนให้มีขนาดที่เล็กลงแล้วยัดชุดแต่ง GR Gazoo Racing เพื่อเพิ่มความสวยงาม

มิติตัวถังของ New Corolla Altis GR 1.8 Hybrid มีขนาดความยาว 4,630 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร และสูงแค่ 1,455 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อวัดจากดุมหน้าไปหลัง 2,700 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,531 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,535 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้อง 155 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 43 ลิตร มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดแค่ 5.4 เมตร เน้นความปราดเปรียวว่องไว ด้วยระยะโอเวอร์แฮงก์หน้า-หลังที่สั้นกระชับ

การขับทดสอบ 7 วัน ทั้งในและนอกเมือง สุดท้ายไปจบที่อำเภอสามร้อยยอด แพลตฟอร์ม TNGA ปรุงแต่งให้ช่วงล่างในทุกวันนี้ของพีโตดีขึ้นมาก Corolla Altis GR Hybrid ใช้ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมกันโคลง ส่วนด้านหลังเป็นแบบปีกนกคู่ดับเบิ้ลวิชโบน ล้ออะลูมิเนียมขอบ 17 นิ้ว ยาง Dunlop SP Sportmaxx ไซส์ 225/45R17 ชุดบังคับเลี้ยวใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPAS-electronic power assisted steering จูนอัตราทดพวงมาลัยมาดี ขับแล้วให้ความมั่นใจว่าทั้งนิ่งและมั่นคงในย่านความเร็วสูง พวงมาลัยเบากว่า Mazda 3 รุ่นใหม่อย่างชัดเจน รวมถึงช่วงล่างก็ยังนุ่มนวลกว่าเนื่องจากเซตมาเอาใจนักขับที่เสพติดความนวล การขับใช้งานทั่วไป แพลตฟอร์ม TNGA ทำให้การถ่ายเทน้ำหนักขณะใช้เบรกดีขึ้นเยอะ รถมีอาการหน้าทิ่มน้อยลง วิ่งทางตรงบนไฮเวย์ได้ดีจากการทำงานของแชสซี บวกกับช่วงล่างและพวงมาลัยที่ใช้ได้ การเร่งความเร็วเมื่อใช้โหมด Power ทำให้ GR Hybrid กระฉับกระเฉงขึ้นมาเล็กน้อย การทรงตัวที่ย่านความเร็วสูงนับว่าดี วิ่งด้วยความเร็วปกติ บนถนนที่มีผิวไม่เรียบก็ยังรู้สึกได้ถึงการซับแรงสะเทือนของช่วงล่าง ความเร็วสูงสุดถูกล็อกเอาไว้ที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อไม่ทำให้ของเหลวหล่อลื่นในระบบเกียร์ CVT มีอุณหภูมิสูงเกินไป 

Altis GR Hybrid เป็นรถบ้านแบบใหม่ที่มีมาให้ครบทั้งระบบความปลอดภัย กลไกอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ๆ ทั้งระบบปรับตั้งความเร็วและรักษาทิศทางแบบอัตโนมัติ รถจะเร่ง เบรก และขยับพวงมาลัยไปตามรถคันข้างหน้า เมื่อเปิดใช้งานระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ DRCC แบบ All-speed Rang การปรับทิศทางของพวงมาลัยตามรถคันหน้าแบบอัตโนมัติทำได้ไม่นานนัก แต่ก็ถือว่าดีและช่วยทำให้รู้สึกผ่อนคลายยามขับในเมือง DRCC แบบ All-speed Rang สามารถทิ้งระยะห่างที่ปลอดภัยจากรถคันข้างหน้า โดยสามารถปรับระยะห่างได้ตามใจชอบ ระบบนี้ยังมีการเบรกและการออกตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ช่วยลดภารกรรมการขับใช้งานในเมือง หรือขับออกทางไกลได้ดีพอสมควร พูดง่ายๆ ว่าถ้าออกทางไกลแล้วเมื่อย ก็เปิดใช้งานเป็นการพักกล้ามเนื้อขาไปในตัวเพื่อความผ่อนคลาย แต่ดูทางแล้วมีสติควบคุมพวงมาลัยไม่ให้เสียสมาธิเพราะระบบช่วยขับก็จะทำให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย 

ระบบไฮบริดของ Toyota ทำให้ชุดเสริมพลังงานแบบ SERIES-PARALLEL HYBRID หรือระบบไฮบริดแบบอนุกรมบวกคู่ขนานมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เป็นระบบขับเคลื่อนที่ควบรวมข้อดีของ Series และ Parallel เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด และเป็นระบบที่รถ Toyota เลือกใช้ การทำงานของระบบขึ้นตรงกับสภาวะของการขับขี่ ไม่ว่าจะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนแต่เพียงอย่างเดียวในช่วงสั้นๆ หรือใช้กำลังทั้งจากมอเตอร์และเครื่องยนต์ผสมผสานกันในการขับเคลื่อน ระบบนี้มอเตอร์ยังสามารถส่งกำลังไปที่เพลาขับเคลื่อนล้อหน้า แม้จะกำลังชาร์จไฟอยู่ก็ตาม

ระบบไฮบริดเจน 4 ของ Toyota ออกแบบให้ inverter with converter assembly มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา สามารถบูสไฟฟ้าแรงสูงอย่างรวดเร็ว โดยติดตั้งอยู่ด้านบนของชุดเกียร์ ส่วนแบตเตอรี่ไฮบริดเป็นแบบ ni-mh battery DC 201.6 V168 Cell 6 cell x 28 modules แบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลังพร้อมชุดกรองฝุ่น และพัดลมไฟฟ้าระบายความร้อนที่ได้รับการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในด้านการรักษาอุณหภูมิและการระบายความร้อนจากการทำงาน โดยมี auxiliary battery ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องยนต์ เป็นแบบ EN Type LN1 auxiliary battery ส่วนชุดมอเตอร์ 2 ตัวที่ฝังอยู่ในเกียร์เป็นแบบ P610 hybrid transaxle MG1 / MG2 ขนาด 600 โวลต์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอเตอร์ไฟฟ้า MG 1 ของ Altis Hybrid มีแรงดันไฟฟ้าสูงสุด AC600 V กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า MG 2 มีแรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร มีแรงดันไฟสูงสุด AC600 V

New Corolla Altis GR Hybrid วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ 2ZR-FXE เป็นเครื่องทวินแคม ดับเบิลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป DOHC 16 วาล์ว (4 วาล์วต่อสูบ) พร้อมกลไกฝาสูบกับระบบไอดีแบบ Atkinson และระบบวาล์วแปรผัน VVT-i ปริมาตรความจุขนาด 1.8 ลิตร พร้อมระบบเสริมพลังงาน Hybrid ที่ประกอบด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่แบบใหม่ที่มีระบบระบายความร้อนดีขึ้น แบตฯ รับประกันอายุการใช้งาน 10 ปี พร้อมอุปกรณ์ชาร์จไฟในระบบ Hybrid ด้วยมอเตอร์ในชุดส่งกำลังสองตัว (MG1 / MG2) เครื่องยนต์เบนซิน Atkinson cycle 4 วาล์วต่อสูบขนาด 1,798 ซีซี กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ หรือ 120 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด (จากเครื่องยนต์เพียวๆ) 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที

มอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็ก กำลัง 72 แรงม้า แรงบิดจากมอเตอร์ทำได้ที่ 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ Hybrid แบบ Ni-MH ควบรวมพลังงานทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำให้ New Corolla Altis GR Hybrid มีกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ แบบ E-CVT มีมอเตอร์ MG-1 และ MG-2 ฝังไว้ในเกียร์เพื่อเสริมแรงบิดและชาร์จไฟใส่แบตเตอรี่ สมรรถนะเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 11.1 วินาที

ประสิทธิภาพของระบบ Hybrid ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 2ZR-FXE Atkinson cycle อุปกรณ์แยกกำลัง Power Split Device ทำหน้าที่ในการผสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์ มอเตอร์ไฟฟ้า และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ชุด Power Control Unit จะรับหน้าที่ควบคุมไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่ รวมถึงกระแสไฟฟ้าแบบสลับ จากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเจเนอเรเตอร์ สามารถขยายกำลังไฟจากแบตฯ นิเกิ้ลเมทัลไฮดรายได้สูงถึง 600 โวลต์ เพื่อป้อนพลังงานไฟฟ้าให้กับชุดมอเตอร์ที่ใช้ในการขับเคลื่อน นี่คืองานวิศวกรรมจักรกลที่ใช้เทคโนโลยีของการขับเคลื่อนยุคใหม่ จากความชำนาญในด้านเครื่องยนต์ไฮบริดของ Toyota เป็นยุคของระบบผสมผสานพลังงานที่กำลังเข้ามาแทนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์แบบปกติ กำลังจากเครื่อง 1.8 ไฮบริดสามารถดึงออกมาใช้งานได้เมื่อต้องการเร่งความเร็วเพื่อแซง มันอาจไม่ใช่รถที่เร็วเหมือน Civic RS เมื่อกดกันมิดด้าม แต่ก็มีความเร็วพอที่จะเอาตัวรอดได้ ในสถานการณ์ที่ต้องการกำลังในการเร่งแซง แถมด้วยจุดเด่นด้านอัตราสิ้นเปลืองในระดับ 20 กิโล-ลิตร ที่ Civic RS และ Mazda 3 เป็นรองเห็นๆ จุดที่ Civic RS เอาชนะ New Altis Hybrid ก็คือกำลังในด้านอัตราเร่งของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ส่วนภายในของ Mazda 3 นั้นเหนือกว่าคู่แข่งทั้งสองคัน เรียกว่ามีดีมีด้อยกันไปคนละแบบ อยู่ที่จริตของคนซื้อว่าจะโอนเอียงไปทางไหน

Altis Hybrid เป็นรถแม่บ้านที่ชอบทำตัวประหยัด เปรียบเหมือนคุณภรรยาแสนดีตอนไปจ่ายกับข้าวโดยชอบเลือกแต่ของดีๆ ที่มีราคาพอรับได้ ส่วนของฟุ่มเฟือยนั้นแม่บ้านคนนี้จะไม่แตะต้อง! แต่ภายในก็ต้องได้รับการปรับให้ดีกว่าเดิมเนื่องจากคู่แข่งอย่าง Mazda 3 นั้นไปไกลมากแล้ว Altis Hybrid ยังเป็นรถที่มีการทรงตัวดี มีช่วงล่างที่เน้นความสบาย พวงมาลัยแม่นและมีน้ำหนักดี ส่วนระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ใส่มาให้ ช่วยทำให้ขับได้ปลอดภัยขึ้นเมื่อเปิดใช้งานโดยเฉพาะ Adaptive Cruise Control ระบบแจ้งเตือนการรักษาช่องทางเมื่อเปลี่ยนทิศทางพร้อมการหน่วงดึงกลับของพวงมาลัย กระจกมองข้างติดตั้งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM คอยกะพริบบอกเมื่อมีมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์วิ่งอยู่ด้านหลังในมุมที่ค่อนข้างอับทึบมองไม่เห็น ช่วยทำให้การเปลี่ยนเลนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เครื่องยนต์ 2ZR-FXE ทำงานเรียบเนียนและเงียบตามสไตล์ของ Hybrid จากพี่โต เกียร์ E-CVT เหมาะสมกับการขับแบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ ทำอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 20.1 กิโลเมตรต่อลิตร เมื่อลองขับเร็วขึ้นในย่านความเร็ว 110-120 บางครั้งกระชากขึ้นไปถึง 140 เพื่อแซง ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองหล่นลงมาเหลือ 18.2 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดสูสีกับ CHR Hybrid และ Corolla Cross Hybrid เลยทีเดียว เพราะใช้เครื่องและเกียร์แบบเดียวกัน การเก็บเสียงทำได้ดีพอสมควร เกือบจะเท่าดับการเก็บเสียงของ Mazda 3 รุ่นใหม่ที่ถือว่าดี วัสดุภายในพอรับได้ ที่ชอบก็คือมีเบาะไฟฟ้าในตำแหน่งคนนั่งหน้ามาให้และช่วยสร้างความพึงพอใจให้กับภรรยาที่เป็นคนจ่ายเงินซื้อได้ดีพอสมควร จุดที่ Toyota ควรปรับปรุงก็คือพลาสติกตกแต่งภายใน นอกนั้นถือว่าทำออกมาได้ดีโดยมีอัตราสิ้นเปลืองโดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับ Civic และ Mazda 3

Altis GR Hybrid เป็นรถ GR ที่มีเรี่ยวแรงไม่มาก ช่วงล่างนวลเนียนจากการปรับเซตการทำงานของโช้คอัพและสปริงใหม่ แถมยังชอบทำตัวประหยัดถ้าขับแบบเรื่อยๆ จะเห็นตัวเลข 21 กิโลเมตรต่อลิตร เปรียบเหมือนคุณภรรยาแสนดีตอนไปจ่ายกับข้าวโดยชอบเลือกแต่ของดีๆ ที่มีราคาพอรับได้ ส่วนของฟุ่มเฟือยนั้นแม่บ้านคนนี้จะไม่แตะต้อง! ภายในห้องโดยสารยังดูธรรมดาเกินไป ต้องได้รับการปรับให้ดีกว่าเดิม เนื่องจากคู่แข่งอย่าง Mazda 3 นั้นไปไกลมากแล้ว Altis GR Hybrid ยังเป็นรถที่มีการทรงตัวดี มีช่วงล่างที่เน้นความสบายเนื้อสบายตัว รักษาการยึดเกาะได้ดีเมื่อขับเร็ว พวงมาลัยแม่นและมีน้ำหนักดี ส่วนระบบช่วยขับอิเล็กทรอนิกส์ที่ใส่มาให้ ทำให้ขับได้ปลอดภัยขึ้นเมื่อเปิดใช้งาน โดยเฉพาะ Adaptive Cruise Control

ระบบแจ้งเตือนการรักษาช่องทางเมื่อเปลี่ยนทิศทางพร้อมการหน่วงดึงกลับของพวงมาลัย กระจกมองข้างติดตั้งระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSM คอยกะพริบบอกเมื่อมีมอเตอร์ไซค์ หรือรถยนต์วิ่งอยู่ด้านหลังในมุมที่ค่อนข้างอับทึบมองไม่เห็น ช่วยทำให้การเปลี่ยนเลนมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เป็น GR ที่ไม่แรง แต่ขับได้เนียนคล้ายเอา Camry Hybrid มาย่อส่วน ตัวถังดูเล็กกะทัดรัด แต่ห้องโดยสารกว้าง จากแพลตฟอร์มและการจัดวางอุปกรณ์ภายใน ขับดีกว่า Altis รุ่นที่แล้วอย่างชัดเจน ผมมองว่าจุดที่รถรุ่นนี้ทำได้ดีก็คือ ความผ่อนคลายของพวงมาลัยและช่วงล่าง รวมถึงความประหยัดที่กลายเป็นจุดแข็งสำหรับการเลือกซื้อยานพาหนะในปัจจุบัน ใช้คันเร่งปกติ มีเห็นตัวเลข 20 กิโลเมตรต่อลิตร แบบสบายๆ ไม่ต้องคลานเป็นเต่าเพื่อประหยัดน้ำมันกันละครับ

TOYOTA COROLLA ALTIS GR SPORT 1.8 HYBRID 

มิติภายนอก ยาว 4,630 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,455 มิลลิเมตร
ความยาวช่วงล้อ 2,700 มิลลิเมตร
ความกว้างช่วงล้อ หน้า/หลัง 1,531 / 1,535 มิลลิเมตร
ระดับต่ำสุดจากพื้น 155 มิลลิเมตร
ความจุถังน้ำมัน 43 ลิตร
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.4 เมตร

เครื่องยนต์
รุ่น 2ZR-FXE
แบบ 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว
ความจุกระบอกสูบ 1,798 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ 80.5 มิลลิเมตร ระยะชัก 88.3 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 13.0 : 1
รองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง E20
แรงม้าสูงสุด EEC net 77 กิโลวัตต์ 98 แรงม้า ที่ 5200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด EEC net 142 นิวตัน-เมตร 14.5 กิโลกรัม/เมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที

มอเตอร์ไฟฟ้า
ชนิด มอเตอร์ซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร
แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์
กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุด EEC net 163 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ไฮบริด
ชนิด นิกเกิลเมทัลไฮดราย
แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์
จำนวนโมดูล 28 โมดูล 168 เซลล์
ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์ (ชั่วโมง)
เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 90 กิโลวัตต์ 122 แรงม้า

ระบบขับเคลื่อน และระบบรองรับ
ระบบส่งกำลัง E-CVT
ระบบส่งกำลัง Shift Lock
อัตราทดเฟืองท้าย 3.218
ระบบช่วงล่างหน้า อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบช่วงล่างหลัง อิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบเบรกหน้า ดิสก์เบรก ขนาด 15 นิ้ว
ระบบเบรกหลัง ดิสก์เบรก ขนาด 15 นิ้ว
ล้อและยาง
ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/45 R17
ล้ออะไหล่ ล้ออัลลอย 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 225/45 R17
พวงมาลัยระบบ EPS (Electric Power Steering)

อุปกรณ์มาตรฐาน
ระบบเกียร์ E-CVT
ราคารถมาตรฐาน 1,114,000 บาท

อุปกรณ์ภายนอก
ชุดไฟหน้า LED แบบ Hybrid LED พร้อมระบบลดหรือยกไฟสูงอัตโนมัติ
ชุดไฟท้าย Full LED
ที่ปัดน้ำฝน แบบอัตโนมัติ
กระจังหน้า เปียโนแบล็ค
มือจับประตูด้านนอก โครเมียม
ไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED (LED Daytime Running Lights)
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ระบบไฟหน้า Follow-me-home
กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ (Auto Folding) พร้อม Reverse Link พร้อม Reverse Link –
ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำ
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน (Acoustic Glass)
ไฟตัดหมอกหน้า LED
กันชนหน้า-หลัง / สเกิร์ตข้าง / สเกิร์ตหลัง ดีไซน์ GR Sport 
สัญลักษณ์ GR Sport บริเวณท้ายรถ

อุปกรณ์ภายใน
วัสดุเบาะ หนังและวัสดุสังเคราะห์ (สีดำ) ตกแต่งสีแดงดีไซน์พิเศษ พร้อมสัญลักษณ์ GR
วัสดุตกแต่งพวงมาลัย หนัง
วัสดุตกแต่งคอนโซลกลาง พร้อมกล่องเก็บของ และที่วางแก้วน้ำ เปียโนแบล็ก
หัวเกียร์ หุ้มหนัง
วัสดุตกแต่งที่จับประตู เปียโนแบล็ก / สีแดง เฉพาะรุ่น GR Sport
เบาะนั่งด้านหน้า เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า เบาะคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า แบบธรรมดา เบาะคนขับปรับไฟฟ้า พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้า แบบธรรมดา พนักพิงเบาะคู่หน้าพร้อมตราสัญลักษณ์ GR
เบาะนั่งด้านหลัง พับได้ (60:40) พร้อมที่วางแขนและวางแก้วน้ำ
กระเป๋าหลังเบาะนั่งด้านหน้า เบาะคู่หน้า
เครื่องปรับอากาศ แบบอัตโนมัติ
ช่องปรับอากาศด้านหลัง
ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
เครื่องเสียง จอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับ Bluetooth / USB พร้อม Apple CarPlay และลำโพง 6 ตำแหน่ง
ระบบ T-connect Telematics
ระบบนำทาง (Navigator)

มาตรวัด และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ MID (Multi Information Display) จอสี 7 นิ้ว
จอภาพ HUD ยิงสะท้อนกระจกบังลมหน้าคนขับเพื่อแจ้งข้อมูล
พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทาง สูง-ต่ำ และใกล้-ไกล
ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า
ช่องต่อ USB ด้านหน้า
หน้าต่างไฟฟ้า พร้อมระบบ Jam-protection ทั้ง 4 บาน
กุญแจรีโมต
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อนแบบอัตโนมัติ
ม่านบังแดดด้านหลัง
ช่องชาร์จแบตผ่าน USB ในกล่องเก็บของ
ระบบสตาร์ตรถและเปิดประตูอัจฉริยะ (Push Start and Smart Entry)
ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ
เบรกมือไฟฟ้า
ไฟส่องสว่างบริเวณที่บังแดดด้านหน้า
กล้องมองหลัง
แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
หน้าจอ HUD แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสี
ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสาร (nanoe)
ม่านบังแดดหลัง – – –
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift)

ระบบความปลอดภัย
เข็มขัดนิรภัยหน้า ดึงรั้งและผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
เข็มขัดนิรภัยหลัง ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
ระบบเบรก ABS
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
ระบบเสริมแรงเบรก BA
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
ถุงลมเสริมความปลอดภัย ระบบ SRS คู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านด้านข้าง / หัวเข่าด้านคนขับ
ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
ระบบไล่ฝ้ากระจกหลัง
สัญญาณไฟฉุกเฉินขณะเบรกกะทันหัน EBS
ระบบป้องกันการโจรกรรม Immobilizer
สัญญาณเตือนกะระยะด้านท้าย
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM
ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ RCTA
ระบบแจ้งเตือนลมยาง TPMS
ระบบควบคุมและปรับลดความเร็วอัตโนมัติ DRCC แบบ All-speed Range
ระบบควบคุมไฟสูงอัตโนมัติ AHB
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมพวงมาลัยหน่วงกลับอัตโนมัติ LDA
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่กลางเลน LTA

สำหรับรุ่น GR Sport มีเฉพาะสี Platinum White Pearl, Red Mica Metallic และ Attitude Black Mica

สำหรับสี Platinum White Pearl ราคาเพิ่มขึ้น 10,000 บาท.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358