เปิดเคล็ดลับใช้สมุนไพรบรรเทาอาการโควิด-19




ด้วยข้อจำกัดของยาที่ใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่แพทย์แผนปัจจุบันเน้นจ่ายยาให้กับผู้ป่วยอาการหนักและมีโรคประจำตัว ทำให้ผู้ป่วยที่มีอาการน้อยหันมาใช้ยาสมุนไพร เพื่อเป็นทางเลือกในการรักษาตามอาการระหว่างเป็นโควิด และป้องกันอาการลองโควิดที่จะตามมาในระยะยาว

“บุษราภรณ์ ธนสีลังกูร” นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการพิเศษ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า การใช้สมุนไพรเพื่อรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ในระหว่างที่เป็น จะต้องเป็นผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงน้อย และต้องไม่ใช่ผู้ป่วยกลุ่ม 608 ที่มีภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการใช้ได้ สำหรับแนวทางการใช้ยา

สมุนไพรเพื่อช่วยบรรเทาอาการโควิดประกอบด้วย 3 ระยะดังนี้

  • ยาหลัก ที่ต้องใช้ในทุกกลุ่มผู้ป่วยคือ ฟ้าทะลายโจร โดยจะต้องใช้วันละ 180 มิลลิกรัม แบ่งทานครั้งละ 60 มิลลิกรัม 3 ครั้งก่อนทานอาหาร ทานติดต่อกัน 5 วัน
  • ยาสมุนไพรที่ใช้รักษาตามอาการ ส่วนใหญ่คนไข้จะมีอาการเริ่มจากภาวะ “ปิตตะ” คือ ตัวร้อน มีไข้สูง ก่อนจะมีอาการ “วาตะ” ที่มีเสมหะ เจ็บคอ อ่อนเพลีย หน้ามืดตาลาย โดยยาสมุนไพรใช้รักษาต้องเป็นไปตามอาการ เช่น เจ็บคอ ให้ใช้ยาประสะมะแว้ง ตีผลา และยาแก้ไอมะขามป้อม หากมีภาวะแทรกซ้อนจากระบบท้อง เช่น ท้องเสีย ให้ใช้ยาธาตุบรรจบ ส่วนท้องอืด ท้องเฟ้อ ให้ทานขมิ้นชัน ขิง แต่ถ้ามีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ให้ทานยาเถาวัลย์เปรียง
  • สมุนไพรที่เพิ่มภูมิต้านทานให้ร่างกาย เช่น ขิง กระชาย กระเทียม กะเพรา โหระพา แมงลัก มะกรูด ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่หาได้ตามครัวเรือน สามารถประกอบอาหารทานได้ปกติ สมุนไพรกลุ่มนี้มีการวิจัยในจีน พบว่าช่วยลดการอักเสบ เพิ่มภูมิต้านทานของร่างกาย โดยสมุนไพรกลุ่มนี้สามารถมีไว้ติดบ้านหรือทานแบบสดทันที 

วิธีใช้สมุนไพรเพื่อบรรเทาผลข้างเคียง

“บุษราภรณ์” กล่าวถึงข้อห้ามตามตำราที่มีบันทึกไว้ตั้งแต่โบราณ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายโควิดว่า ห้ามไม่ให้ทานอาหารที่มีรสจัด เช่น เผ็ด เปรี้ยว หวาน ส่วนการปฏิบัติตัวไม่ควรนวดประคบ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทำให้เลือดไหลออกจากร่างกาย เพราะจะทำให้อาการป่วยหายช้า

สำหรับการทานอาหารในระหว่างเป็นโควิด เมื่อมีอาการในช่วงแรกต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดร้อน แต่ควรทานอาหารรสจืด พออาการเริ่มดีขึ้นอาจเพิ่มรสชาติของอาหารด้วยการผสมสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน เช่น ขิง ข่า ตะไคร้

ระหว่างเป็นโควิดห้ามสูดดมไอน้ำจากหม้อต้มสมุนไพร เพราะจะยิ่งแพร่กระจายเชื้อให้กับผู้คนรอบข้างได้เร็วขึ้น แต่การสูดดมไอน้ำควรทำหลังจากหายโควิด ที่จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกาย

การต้มสมุนไพรเพื่อสูดดมไอน้ำ จะต้องนำสมุนไพรที่ประกอบด้วย หอมแดง ผิวมะกรูด ตะไคร้ ข่า ขมิ้นชัน ใบมะขาม มารวมกันในภาชนะก่อนจะนำน้ำร้อนเทลงไป จากนั้นนำผ้ามาคลุมศีรษะ สูดไอน้ำและลืมตาไปพร้อมกัน ซึ่งระหว่างทำน้ำตาและน้ำมูกจะไหลเพื่อขับของเสียในร่างกายออกมา คนไข้จะรู้สึกสมองโล่งหลังจากทำเสร็จ ควรทำสัปดาห์ละ 2 ครั้ง

สิ่งที่ต้องระวังของผู้ป่วยโควิดที่พบบ่อย คือ การใช้ยามากจนเกินความจำเป็น โดยจะใช้ทั้งยาแพทย์แผนไทยและแผนปัจจุบัน เช่น คนไข้บางรายทานฟาวิพิราเวียร์ร่วมกับฟ้าทะลายโจร ซึ่งทำให้คนไข้มีอาการทรุดลง นอกจากนี้การทานยาเพื่อป้องกัน ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้อวัยวะในร่างกายทำงานมากกว่าปกติ

การใช้สมุนไพรเพื่อช่วยบรรเทาอาการระหว่างติดโควิด ก่อนใช้คนไข้ควรจะปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินความเสี่ยงหรือโทรปรึกษาแพทย์แผนไทยประยุกต์ ที่มีกระจายอยู่ตามโรงพยาบาลทั่วประเทศ เพื่อประเมินสุขภาพร่างกายก่อนทุกครั้ง หากมีผลข้างเคียง เช่น แน่นหน้าอก หน้ามืด มีผื่นขึ้นบริเวณผิวหนัง ควรหยุดใช้สมุนไพรดังกล่าว และปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำการใช้ยาอย่างเหมาะสมที่สุด