หล่อดีพี่อยากได้ NEW HONDA CR-V 2023




Honda CR-V เจเนอเรชันใหม่ 2023 จะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้ลูกค้าฮอนด้าในสหรัฐอเมริกา มีทางเลือกของรถยนต์รุ่นใหม่ในกลุ่มซับคอมแพ็กต์ (All-new Honda HR-V) และขนาดกลาง (2023 Honda Pilot) ซึ่งเป็นกลุ่มรถยนต์อเนกประสงค์เอสยูวีที่กำลังได้รับความนิยม เรียกว่าผลิตออกมาขายไม่ทันกับความต้องการกันเลยทีเดียว 

CR-V เจเนอเรชันใหม่ มีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นรถยนต์ของผู้ชายมากขึ้น กระจังหน้าทรงสูง พร้อมแผ่นตาข่ายพลาสติกทรงหกเหลี่ยมแบบหนา ช่องรับอากาศด้านล่างที่ออกแบบให้กว้างขึ้น กันชนดูสปอร์ตยิ่งขึ้น ฝากระโปรงทรงสูง และไฟหน้าที่เพรียวบาง ทำให้ New CR-V 2023 ที่ออกแบบใหม่ดูโดดเด่น สำหรับรูปทรงด้านข้าง ดูเหมือนCR-V จะมีขนาดของกระจกบานประตูที่ใหญ่ขึ้น และกระจกหลังที่สูงกว่าเดิม ซึ่งจะทำให้การขับขี่ทางไกลสะดวกสบายสำหรับผู้โดยสารและคนขับ

บั้นท้ายของ CR-V รุ่นปี 2023 เหมือนกับรถยนต์อเนกประสงค์ SUV ของ Volvo  ด้วยการออกแบบไฟท้ายใหม่รูปตัว L มีแถบนำแสงรูปตัว L อยู่ตรงส่วนล่าง การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกจุดหนึ่งก็คือ การปรับตำแหน่งของพื้นที่ป้ายทะเบียน จากด้านล่างของฝาท้าย ขึ้นมาอยู่ที่ด้านบน การหลีกเลี่ยงการใช้งานวัสดุตกแต่งฝาท้ายแบบโครเมียมเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี เนื่องจากทำให้ส่วนท้ายดูสะอาดตา ฝาท้ายของ New CR-V เปิดปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมเซนเซอร์

24 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 Honda ปล่อยทีเซอร์ใหม่ของ CR-V Hybrid รุ่นปี 2023 ความดำมืดของ VDO แนะนำครั้งแรกทำได้แค่การนึกรูปลักษณ์ของ New CR-V ให้อยู่ในจินตนาการเท่านั้น ภาพอย่างเป็นทางการทำให้เห็นถึงรูปลักษณ์ที่ดีขึ้นในการออกแบบไฟหน้า ไฟท้าย กันชน กระจังหน้า และฝาท้ายของรถรุ่นใหม่ที่จะขายในอเมริกาและจีนก่อนใคร CR-V เจเนอเรชันถัดไปจะมีขนาดใหญ่กว่าโฉมปัจจุบัน  CR-V โฉมปัจจุบันมีความยาว 4,621 มิลลิเมตร กว้าง 1,855 มิลลิเมตร สูง 1,690 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,661 มิลลิเมตร

ภายใน
Honda CR-V รุ่นใหม่ปี 2023 จะมีการตกแต่งภายในที่เรียบง่าย สอดคล้องกับปรัชญาของแบรนด์ มีการออกแบบแดชบอร์ดที่บางกว่าเดิม คอนโซลกลางย้ายตำแหน่งหน้าจอระบบสาระบันเทิง ลดจำนวนการควบคุมทางกายภาพ Honda ติดตั้งแผงหน้าจอสัมผัสบนแผงหน้าปัด ทำให้เข้าถึงข้อมูลและการปรับตั้งต่างๆ ได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษาความเรียบของคอนโซล การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการนำแผงหน้าปัดดิจิทัลมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ แทนที่มาตรวัดแบบเข็มที่ใช้มานาน

แผงหน้าปัดของ CR-V ปี 2023 เกือบจะเหมือนกับ New Civic ช่องแอร์ ซ่อนอยู่หลังกรอบตาข่ายทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ชิ้นส่วนขนาดกะทัดรัดที่ด้านคนขับ และชิ้นส่วนที่กว้างเป็นพิเศษ ทอดยาวจากปลายอีกด้านของพวงมาลัยไปยังปลายอีกด้านของแผงหน้าปัด มีปุ่มเล็กๆ สี่ปุ่มที่ออกแบบคล้ายอุปกรณ์ความบันเทิงภายในบ้านระดับไฮเอนด์ เพื่อปรับทิศทางการไหลของอากาศ คอนโซลกลางเป็นของใหม่ แต่มีคันเกียร์ที่คุ้นเคย แทนคันเกียร์แบบปุ่มหรือแบบแป้นหมุนที่ทันสมัยกว่า Honda ยังคงปรับแต่งแบบอนุรักษนิยม สำหรับลูกค้าเก่าที่เริ่มมีอายุมากขึ้น และปรับจูนให้อุปกรณ์ใน CR-V ใช้งานง่าย ในขณะที่ยังประหยัดต้นทุนการผลิตด้วยส่วนประกอบทางกลไกแบบเดิม

ระบบ Honda Sensing 360 แบบใหม่ เป็นแพ็กเกจเทคโนโลยีความปลอดภัยและระบบช่วยเหลือผู้ขับที่หลากหลาย จะประจำการอยู่ใน CR-V รุ่นใหม่ ด้วย Honda Sensing 360 ที่ฉลาดและเข้าใจสภาพแวดล้อมของรถได้ดีกว่าเดิม เมื่อเทียบกับ Honda Sensing ของ CR-V ในปี 2022 Honda กล่าวว่า มีช่วงการรับข้อมูลของเซนเซอร์ที่กว้างขึ้นรอบ ๆ รถ ในปี 2564 Honda แจ้งว่า จะใช้ระบบความปลอดภัยรอบทิศทาง และระบบช่วยเหลือผู้ขับแบบใหม่ครั้งแรกในประเทศจีนในช่วงปี 2565 และวางแผนที่จะทำให้ Honda Sensing 360 แบบใหม่ เป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์มาตรฐานในรถยนต์ Honda ที่ขายในสหรัฐอเมริกาภายในปี 2573

มิติ Honda CR-V 2023
ความยาว 4,703 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 82 มิลลิเมตร 
ความกว้าง 1,866 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 11 มิลลิเมตร
ความสูง 1,680 มิลลิเมตร เตี้ยลง 10 มิลลิเมตร  
ระยะฐานล้อ 2,700 มิลลิเมตร ยาวขึ้น 39 มิลลิเมตร 

เมื่อเทียบกับ CR-V ปัจจุบัน 2023 CR-V นั้นยาวขึ้น 3.3 นิ้วและกว้างขึ้น 0.5 นิ้ว ระยะฐานล้อยาวขึ้น 1.5 นิ้ว แทร็กด้านหน้าและด้านหลังของ SUV ที่ออกแบบใหม่มีขนาด 1,608 มิลลิเมตร และ 1,623 มิลลิเมตร ตามลำดับ โอเวอร์แฮงค์ด้านหน้าและด้านหลังมีความยาว 999 มิลลิเมตร (39.3 นิ้ว) และยาว 1,004 มม. (39.5 นิ้ว) ตามลำดับ มุมเข้าและออกคือ 17° และ 21° นี่คือตัวเลขของ New CR-V ที่จะขายในประเทศจีน แต่การเพิ่มขนาดและพื้นที่สำหรับคนรุ่นใหม่ เป็นสิ่งสำคัญที่ค่ายรถต้องใส่ใจ

ในส่วนของระบบส่งกำลัง Honda ยืนยันว่า จะเปิดตัว All-new CR-V ในระบบส่งกำลังทั้งแบบไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด อย่างไรก็ตาม ในสหรัฐอเมริกา มีการประกาศอย่างเป็นทางการแค่รุ่นไฮบริดที่มีระบบส่งกำลัง “ขั้นสูง” ซึ่งอาจเป็นรุ่นอัปเกรดของระบบไฮบริดสองมอเตอร์ e-HEV เจเนอเรชันที่ 3 ซึ่งให้การประหยัดเชื้อเพลิงและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น

ใน CR-V Hybrid โฉมปัจจุบัน ระบบส่งกำลังใช้เครื่องยนต์ i-VTEC 2.0 ลิตร พร้อมมอเตอร์สองตัวเทคโนโลยีสำหรับควบรวมกำลังทั้งเครื่องและมอเตอร์ได้มากถึง 212 แรงม้า มอเตอร์ตัวหนึ่งเป็นเจนเนอเรเตอร์หรือเครื่องกำเนิดไฟฟ้า/บวกมอเตอร์สตาร์ต 181 แรงม้า และอีกตัวหนึ่งเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนที่ถ่ายแรงบิดลงไปบนล้อขับเคลื่อน (คู่หน้า) ระบบไฮบริด e-HEV สามารถสลับไปใช้การทำงานแบบไฮบริดคู่ขนาน เมื่อเห็นว่ามีความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกับรุ่นปัจจุบัน CR-V รุ่นที่หก มีรุ่นเครื่องยนต์ปลั๊กอินไฮบริดแทรกอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์กึ่งไฟฟ้าทั่วโลก แต่ความพร้อมใช้งานในสหรัฐฯ ดูไม่น่าเป็นไปได้ Honda ขาย CR-V Hybrid ได้กว่า 56,000 คันในสหรัฐอเมริกา ในปี 2564 ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ตัวเลขดังกล่าว แสดงให้เห็นว่า ลูกค้าในสหรัฐกำลังมองหาทางเลือกที่ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้นเนื่องจากราคาเชื้อเพลิง Honda ได้ประกาศว่าจะเปิดตัวรถยนต์ BEV (รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่) เจเนอเรชันใหม่ เริ่มต้นด้วย Honda Prologue ในสหรัฐอเมริกาช่วงต้นปี 2567 กลยุทธ์คือ การก้าวกระโดดสู่ BEV ต่อจากรุ่นไฮบริด

Honda ทราบดีว่าการเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์ไฟฟ้านั้นยังคงตามหลังคู่แข่ง หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ยังช้ากว่าคู่แข่งที่ต่างมุ่งไปสู่ยานยนต์พลังงานสะอาดมานานหลายปีแล้ว เหตุผลก็คือ Honda ต้องการมั่นใจว่า ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า จะมีราคาที่ผู้คนทั่วไปสามารถจับต้องได้ Honda กำลังพิจารณาที่จะร่วมมือกับ LG Energy Solution สำหรับโรงงานแบตเตอรี่ในรัฐโอไฮโอ Honda และ LG Energy Solution กำลังหารือเกี่ยวกับโรงงานผลิตแบตเตอรี่ขนาด 40 GWh JV ในสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกับผู้ผลิตแบตเตอรี่ของเกาหลีใต้

CR-V เจ็ดที่นั่งรุ่นใหม่ล่าสุด จะเข้ามาสานต่อเพื่อแทนที่รถมินิแวนอย่าง Odyssey ซึ่งกำลังจะสิ้นสุดสายการผลิตในเร็ววันนี้ รถมินิแวน Odyssey เฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกา จะยังคงวางจำหน่ายต่อไป แต่ในตลาดอย่างออสเตรเลีย ลูกค้าที่ต้องการรถสามแถว 7 ที่นั่ง จะมีแค่ CR-V เป็นตัวเลือก Honda Australia ยืนยันว่า การผลิตจะสิ้นสุดภายในไตรมาสที่สองของปี 2022 

Honda CR-V 2023 จะเปิดตัวในวันที่ 12 กรกฎาคม 2565 โดย Honda Motor USA ยืนยันในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 คาดว่า ราคาของรุ่นไฮบริด จะเริ่มต้นที่ประมาณ 33,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับยุโรป Honda ยืนยันว่าจะเปิดตัว CR-V ใหม่ในปี 2566 และนำเสนอรุ่นไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริดเท่านั้น 

แม้ว่า CR-V รุ่นปัจจุบันจะเดินทางมาถึงปีที่ 6 แต่ก็ยังเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ในปี 2564  Honda USA ขาย CR-V ได้ 361,271 คัน เพิ่มขึ้น 8.3% เมื่อเทียบปีต่อปี (2020: 333,502 คัน) แม้จะมีสถานการณ์เกี่ยวกับชิปเซมิคอนดักเตอร์ขาดแคลน อย่างไรก็ตาม CR-V ยังอยู่ในอันดับที่ 2 โดยมี RAV4 ของ Toyota ครองตำแหน่งผู้นำด้านยอดขาย Toyota ขาย RAV4 ได้ 407,739 คันในปี 2564 แต่ลดลงเมื่อเทียบปีต่อปีที่ 5.3% (2020: 430,387 คัน)

ในไตรมาส 1 ปี 2565 ยอดขาย Honda CR-V ลดลง 37.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขาย 93,766 คันในไตรมาส 1 ปี 2564 Honda ส่งมอบรถ CR-V 58,579 คัน ระหว่างเดือนมกราคมถึงมีนาคมของปีนี้ Toyota RAV4 กลับมานำหน้าอีกครั้งในตลาดอเมริกา ด้วยยอดขาย 101,192 คัน ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ปี 2564 (114,255 คัน) ยอดขายของ Toyota SUV ลดลง 11.4% จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/