พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ มีหู พิมพ์เส้นศิลป์ลึกชัดตามมาตรฐานพิมพ์




  • สวัสดีท่านผู้ชม วันนี้เราเปิดเวทีกันที่ พระสมเด็จ วัดระฆังฯ พิมพ์ฐานแซม องค์พระคมชัด ผิวเป็นธรรมชาติ ไม่มีซ่อม องค์พระมีมิติ ที่ทุกสายตายอมรับว่าสวยดูง่าย ของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ซึ่งวงการพระเรียกว่า เฮียนพพร–นพพร บุญลาโภ…องค์นี้ เฮียนพพร เล่าว่า ได้จากเซียนพระ ซึ่งบอกว่าเจ้าของเดิมเป็นนักธุรกิจระดับประเทศ เก็บพระองค์นี้มาเกือบ ๓๐ ปี และให้คนสนิทเอามาเข้าสนาม เพื่อยกเงินให้การกุศล ซึ่ง เฮียนพพร เจ้าของเพจดังวงการพระ บอกว่า กว่าจะบุกได้มาต้องใช้ความอดทน–และต้องจ่ายค่าย้ายกุฏิไป ๒๘ ล้าน อย่างสุขใจสมหวัง ตามฝันที่ตั้งไว้

พระสมเด็จ วัดระฆังฯ พิมพ์ฐานแซม ของนพพร บุญลาโภ.

  • องค์ที่สองคือ พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ มีหู วัดหม่อมตรส แขวงบางขุนพรหม เขตพระนคร กรุงเทพฯ ของ เสี่ยโจ๊ก ลำพูน…เป็นพระสภาพผ่านใช้ แต่ยังสวยโชว์ได้ ที่มีริ้วรอยการเลี่ยมแบบโบราณ พิมพ์พระยังมีเส้นศิลป์ลึกชัด สมบูรณ์ตามมาตรฐานพิมพ์ ผิวเนื้อ สภาพคราบกรุ ถูกต้อง…มุมซ้ายด้านบนเนื้อหลุดหายไปนิด ตามอายุ และเป็นมาแต่เดิม ซึ่งเข้าไม่ถึงเส้นซุ้มจึงมองผ่านได้สบาย ไม่คาใจ สรุป เป็นพระงามตามตำราพระแท้ดูง่าย ที่ตอนนี้หายากสุดๆ–คิดว่า เสี่ยโจ๊ก คงได้ส่องอีกไม่นาน ก็มีคนนิมนต์ท่านไป

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สังฆาฏิ (มีหู) วัดใหม่อมตรส ของ โจ๊ก ลำพูน.

  • รายการที่สาม เป็น พระเปิม เนื้อเขียวหินครก วัดจามเทวี อ.เมือง จ.ลำพูน พระพิมพ์เนื้อดินเผา ๑ ในขุนพลพระเครื่องเมืองลำพูน ที่มีชื่อเสียงแพร่หลาย โดดเด่นด้วยขนาดองค์พระ ที่เขื่องกว่าพระพิมพ์ร่วมสกุล พุทธศิลป์ที่สูงส่งงดงามสมัยหริภุญชัย ที่รับอิทธิพลพุทธศิลป์คุปตะของอินเดียผสมผสาน…ผนวกฝีมือช่างชั้นสูงของเมืองล้านนา ที่มีความละเอียดประณีตลึกซึ้งในศิลปะ จึงมีพิมพ์องค์พระที่งดงามอลังการ ด้วยซุ้มปรกโพธิ์คมชัดพลิ้วไหว รวม ๘๔ ใบ และอานุภาพศักดิ์สิทธิ์ ที่เลื่องลือสุดด้านคุ้มครองป้องกันแคล้วคลาดภัย…ค้นพบครั้งแรก กรุใหญ่สุดเมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ ที่กรุวัดดอนแก้ว องค์พระมีลักษณะเด่นที่ความใหญ่ ล่ำ เนื้อพระละเอียด มักมีราดำจับผิวเข้าเนื้อ เพราะกรุพระอยู่ใกล้ลำน้ำกวง พอน้ำขึ้นถึงกรุพระ เนื้อพระก็เกิดความ ชื้น–ด้านหลังพระมี ๒ แบบ คือ ปาดเรียบ กับปาดหนา…ครั้งที่ ๒ พบที่กรุวัดพระ ธาตุหริภุญชัย ลักษณะพิมพ์พระใหญ่เหมือน กัน แต่เนื้อพระหยาบกว่า ด้านหลังก็มีทั้งแบบปาดเรียบ ปาดหนา ครั้งที่ ๓ พบที่กรุวัดจามเทวี ซึ่งลักลอบขุด พิมพ์พระเดียวกัน ต่างที่เนื้อพระจะหยาบ มีเม็ดแร่ปนมาก ด้านหลังส่วนใหญ่ปาดบาง มีรอยนิ้วมือกดไล่เนื้อ สีเนื้อมีพิกุลกับเขียว …ครั้ง ที่ ๔ เจอไม่มากที่กรุวัดมหาวัน องค์พระมีขนาดเล็กกว่ากรุอื่น เข้าใจว่าเพราะเผานาน เนื้อพระเลยหดมากกว่า เนื้อพระละเอียดหนึกนุ่มเหมือนเนื้อพระรอด องค์นี้ ของ เสี่ยปอ โนบิ เนื้อพระหยาบ มีเม็ดแร่ปน สีเนื้อเขียวแบบเนื้อพระกรุวัดจามเทวี ที่ปัจจุบันเป็นสีเนื้อนิยมหายาก ราคาสวยๆสภาพสมบูรณ์ เดิมๆ แบบนี้สีนี้ อยู่แสนต้นๆ

พระเปิม เนื้อเขียวหินครก กรุวัดดอนแก้ว ของ ปอ โนบิ.

  • ต่อด้วย รูปเหมือนปั๊ม หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ รูปเหมือนพระเกจิฯ ยอดนิยมอันดับ ๒ เป็นรูปเหมือน ปั๊มด้วยเครื่องจักร ถอดพิมพ์จากบล็อกสู่บล็อก แยกเล่นตามรายละเอียดในพิมพ์ที่แตกต่าง เป็นพิมพ์ A. B. C. D ซึ่งได้รับความนิยม ในราคาสูงถึงหลักแสนหลักล้าน ตามลำดับพิมพ์–องค์นี้ ของ เสี่ยอาทร สุพรรณธริกา เป็นพิมพ์ D

รูปเหมือน (ปั๊ม) พิมพ์ D พระครูนิวาสธรรมขันธ์ (หลวงพ่อเดิม พุทธสโร) วัดหนองโพ ของอาทร สุพรรณธริกา.

  • ถัดไปเป็น พระพิมพ์นกมารวิชัย หลวงพอปาน วัดบางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พระพิมพ์นิยมท้ายๆ ในสกุลพระพิมพ์ทรงสัตว์ของหลวงพ่อปาน….แต่องค์นี้ ของ เสี่ยจตุโชค สัยยะ นิฐี ไม่ธรรมดา เพราะเป็นพระแชมป์ องค์งามสุดของพิมพ์ ที่มีภาพลงพิมพ์เป็นองค์ดารา การันตีตำแหน่งในตำราพระหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค เล่มมาตรฐานมากมาย–จึงตีราคาแล้วกว่า ๕ แสน แต่เจ้าของบอกขอเก็บไว้ก่อน

พระพิมพ์นกมารวิชัย หลวงพ่อปาน โสนันโท วัดบางนมโค ของจตุโชค สัยยะนิฐี.

  • อีกพิมพ์ก็สำนัก วัดบางนมโค คือ พระพิมพ์เม่นมังกร ที่หลวงพ่อปาน สร้างไว้ไม่มาก หายากสุดๆ และองค์นี้ก็เป็นองค์งามแชมป์ของพิมพ์อีกองค์ พิมพ์ชัด เนื้อใช่ ผงอุดผิวพรรณวรรณะเดิมๆไร้ริ้วรอยเช็ดล้างสัมผัสใช้….เจ้าของก็ เสี่ยจตุโชค สัยยะนิฐี บอกได้ว่าเป็นทายาท “ลูกไม้ใต้ต้น” เพราะได้ความ เจนจัดในการพิจารณาเล่นหาสะสมสายตรงแถวหน้าพระหลวง พ่อปาน จากบิดา เซียนคำรณ ซึ่งถือเป็นเจ้าถิ่น และลูกหลาน หลวงพ่อโดยสายเลือด

พระพิมพ์เม่นมังกร หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ของ จตุโชค สัยยะนิฐี.

  • ตามมาด้วย เหรียญดวงตรามหาเดช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นแรก พ.ศ.๒๔๘๒ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ที่ ท่านเจ้าคุณทักษิณคณิศร (สาย) วัดอินทาราม (วัดใต้) ตลาดพลู กรุงเทพฯ สร้างไว้…ตามประวัติท่านเป็นชาวอัมพวา เกิดเมื่อปี พ.ศ.๒๓๙๗ และบวชเณรเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ และบวชพระเมื่ออายุ ๒๒ ที่วัดราชบูรณะ ได้ฉายา “ปุญญาคังโค”…อยู่จำพรรษาได้ ๒ ปี ก็ย้ายไปวัดสุทัศน์ เป็นศิษย์ในสำนัก สมเด็จพระวันรัต (แดง) พร้อม สมเด็จพระสังฆราช (แพ) ได้ ๑ ปี ก็ได้รับสมณศักดิ์เป็นพระมงคลวิลาส ตำแหน่งพระครูคู่สวดฐานา นุกรม ใน สมเด็จพระวันรัต (แดง)….ปี พ.ศ.๒๔๓๒ ได้รับแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโพธินิมิตร ตลาดพลู และปี พ.ศ.๒๔๔๗ ได้รับโปรดเกล้าฯให้ย้ายไปเป็นเจ้าอาวาสวัดอินทาราม (วัดใต้) และได้รับเลื่อนสมณศักดิ์สูงขึ้นเป็นลำดับ จนถึงพระทักษิณคณิศร บวรสังฆสุทธิการ วิจารณกิจโกศล สกลสังฆนายก ปิฎกธรรมรักขิต ตำแหน่งเจ้าคณะมณฑลปราจีนบุรี และมรณภาพ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๘๔ สิริอายุ ๘๘ ปี ๖๖ พรรษา…ท่านสร้างพระเครื่อง ของขลังไว้หลายอย่าง ที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ พระพิมพ์ เพชรหลีก เนื้อผงพุทธคุณ ๕ ประการ ผสมผงใบลานเผา ฝังเมล็ดข้าวเปลือก ๕ เมล็ด ลงลายมือจารอักขระ นะโมพุทธายะด้านหลัง ได้รับความนิยมสูง ยกย่องเป็น “ขุนพลพระแคล้วคลาดภัย”–ราคาหลักแสนปลาย….

เหรียญดวงตรามหาเดช พระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นแรก เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ท่านเจ้าคุณ ทักษิณคณิศร วัดอินทาราม (วัดใต้) ของมีชัย เถาเจริญ.

ส่วนเหรียญรูปท่านรุ่นแรก และ เหรียญดวงตรามหาเดช ซึ่งเป็นดวงตราศักดิ์สิทธิ์ ของ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่มอบไว้เป็นมรดกตกทอดสู่ตำแหน่งเจ้า อาวาส วัดอินทาราม รุ่นสู่รุ่น โดยไม่มีใครทราบประวัตินัก…จนถึงสมัย ท่านเจ้าคุณ ทักษิณ (สาย) เจ้าอาวาส จึงนำรูปแบบดวงตรามหาเดช ซึ่ง สมเด็จ พระเจ้าตากสินฯ อัญเชิญมาจากท่านพระครูอาจารย์ วัด เขาแก้ว จ.ตาก มาใช้ เป็น ตราธงนำทัพ ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือ มีอานุภาพป้องกันอันตราย ภูตผีปีศาจ คุณไสย และนำโชคชัยชนะให้พระองค์นำทัพปราบศัตรู กอบกู้อิสรภาพสำเร็จ….ในดวงตราประกอบด้วย รูปพญาครุฑทรงจักร อัญเชิญเพชรเปล่งรัศมี ตรงกลางเป็นอุณาโลม ซึ่งหมายถึงความสำเร็จ เจริญรุ่งเรือง ดวงตรามหาเดชจึงได้ชื่อเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะ ทรัพย์สินเงินทอง ความผาสุก เป็นมงคลทั้งผู้บูชาและบริวาร แก้อาถรรพณ์ปราบศัตรู ประสบความสำเร็จได้ดังอธิษฐานโดยรำลึกถึง องค์สมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราช…ปัจจุบันเหรียญมหาเดชรุ่นนี้ เป็นเหรียญ “พญาครุฑ” ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ราคาหลักแสนกลางถึงปลาย แต่หายากมาก โดยเฉพาะเหรียญงามๆ สภาพเยี่ยมๆ กะไหล่ทองเดิมๆเกือบเต็มร้อยแบบเหรียญนี้ ของ เสี่ยมีชัย เถาเจริญ ที่สวยสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยเห็น

  • อีกเหรียญ คือ เหรียญเสมา หน้าเลื่อนสมณศักดิ์ พ.ศ.๒๕๔๐ เบอร์ ๒๔ เนื้อทองคำพระอาจารย์นอง วัดทรายขาว จ.ปัตตานี พระเกจิฯเมืองใต้ พระสหมิกธรรมร่วมน้ำสาบานกับพระอาจารย์ทิม วัดช้างให้…ท่านสร้างเหรียญรุ่นนี้ออกเป็นเหรียญที่ระลึกคราวรับเลื่อนฐานาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นพระครูชั้นโท ที่ พระครูธรรมกิจโกศล โดยจำลองแบบเหรียญทรงเสมา รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เป็นต้นแบบ….ด้านหลังเหรียญด้านบน เป็นรูปแบบยันต์ ๕ ด้านล่างมีอักษรบอกนาม อ.นอง ระบุปีสร้าง พ.ศ.๒๕๔๐ ปัจจุบันเป็นเหรียญรุ่นที่ได้รับความนิยมสูง กระแสร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะ เนื้อทองคำ สร้างพิเศษตามจำนวนสั่งจอง มีหมายเลขลำดับตอกกำกับ อย่างเหรียญนี้ ของ เสี่ยเต่า พระเครื่อง….

เหรียญเสมา หน้าเลื่อนสมณศักดิ์ พ.ศ.2540 เบอร์ 24 พระอาจารย์นอง วัดทรายขาว ของเต่า พระเครื่อง.

ลาด้วยเรื่องปิดท้าย ของ นายเกรียงไกร เจ้าของธุรกิจร้านอาหาร–กาแฟ มีชื่อเสียงย่านพุทธมณฑล ซึ่งโดนพิษโควิด-๑๙ ด้วย จนลูกค้าซบเซา….ปีแรกพอทน เพราะมีทุนสำรอง ปีที่ ๒ ทุนก็หดลง แต่ก็กัดฟันทนสู้อยู่ได้ถึงปีนี้เป็นปีที่ ๓ แต่ก็ไม่ดีขึ้น จนต้องกู้ยืม สุดท้ายหมดแรงปิดร้าน และยังมีหนี้ ต้องกลับบ้านต่างจังหวัดไปปรึกษาพ่อ แต่พ่อก็ให้เงินมาจนหมดแล้ว เหมือนกัน…พ่อก็บอกว่า ไม่มีเงินให้แล้ว มีแต่กำลังใจกับ พระรอด พิมพ์ตื้น วัดมหาวัน ที่ได้มาจากปู่ ใช้คล้องคอมาตลอดชีวิต ช่วยให้รอดวิกฤติมาหลายครั้ง เอาไปใช้บูชาดีๆ เผื่อช่วยให้รอดวิกฤติได้…นายเกรียงไกร กราบพ่อรับพระทั้งน้ำตา บอกผมจะใช้บูชา ขอให้ท่านช่วยตามอย่างพ่อ….ผ่านไป ๑ เดือน พ่อได้รับโทรศัพท์จากลูก ที่พูดด้วยความดีใจ บอกว่า พระรอดพ่อช่วยผมพ้นวิกฤติ ได้ลาภอย่างอัศจรรย์ พ่อก็ดีใจ ถามว่า พระท่านให้โชคถูกหวย รวยเบอร์หรือ….แต่ลูกตอบว่า ป่าว พระท่านไม่ได้ให้หวย ให้เลขอะไรหรอก แต่ที่ท่านให้ลาภคือ ผมเอาไปให้เซียนดู เขาขอซื้อ ให้ราคา ๑.๕ ล้าน–เลยขาย เอาเงินมาใช้หนี้จนหมดเรียบร้อย รอดเหมือนชื่อพระ เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง