พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม คราบกรุบางเบากับเนื้อพระมีมวลสารผสมเข้มข้น




พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส ของ ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์.

สนามพระวิภาวดี ของเรา ก็มาถึงวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือน ๑๑ แล้ว จากนี้ไปเราเจอกันอีก ๕ สนาม ก็บอกลาปีโควิด ๒๐๒๑

วันนี้ เริ่มกันด้วย พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานแซม วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ พระกรุเก่า ผิวเนื้อแห้ง แกร่ง มีฝ้าขาวแน่น พิมพ์พระงดงาม เส้นศิลป์คมชัดสมบูรณ์ ฟอร์มได้สัดส่วน บนกว้างล่างแคบ

มีรอยปาดหลังองค์พระ การตัดขอบข้างและคราบกรุน้ำตาล ครบเอกลักษณ์พระบางขุนพรหม

แต่ไม่มี รอยปั๊มตราองค์พระเจดีย์ “หมึกม่วง” แสดงว่าถูก ตกกรุ ก่อนทางวัดเปิดกรุเป็นทางการเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ ซึ่งขโมยกันหลายครั้ง เรียกรวม ว่า “พระกรุเก่า”

อีกจุดสังเกตที่สำคัญ และชัดเจน คือ คราบกรุจะบางเบา กับเนื้อพระ จะมีมวลสารผสมเข้มข้น อย่างองค์นี้ ของ “โป๊ยเสี่ย” ไชยทัศน์ เตชะไพบูลย์ ซึ่งเป็นพระสภาพสวย สมบูรณ์เดิมๆ

พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์สมาธิข้างดอกไม้ กรุเจดีย์เล็ก วัดใหม่อมตรส ของ ก้อง พระสมเด็จ.

อีกองค์ เป็น พระสมเด็จบางขุนพรหม กรุเจดีย์เล็ก วัดใหม่อมตรส กรุงเทพฯ แตกกรุจากพระเจดีย์องค์เล็กของ ตระกูลธนโกเศศ ตอนวัดจัดระเบียบ ปรับปรุงภูมิทัศน์ในวัดพบ พระเนื้อผง ๖ พิมพ์คือ ๑.พิมพ์เจดีย์แหวกม่าน ๒.พิมพ์ฐานหมอนหรือพิมพ์สามเหลี่ยมหน้าหมอน ๓.พิมพ์ยืนปางประทานพร ๔.พิมพ์สมาธิข้างดอกไม้ ๕. พิมพ์ไสยาสน์ ๖.พิมพ์ฐานคู่ องค์นี้ ของ เสี่ยก้อง พระสมเด็จ เป็น พิมพ์สมาธิ ข้างดอกไม้ สภาพสมบูรณ์สวยเดิมๆ

พระสมเด็จอรหัง พิมพ์ฐานคู่ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดพลับ ของ สถิต ราชบุรี.

องค์ที่สาม เป็น พระสมเด็จอรหัง พิมพ์ฐานคู่ สมเด็จพระสังฆราชญาณสังวร (สุก ไก่เถื่อน) วัดราชสิทธาราม (วัดพลับ) กรุงเทพฯ สร้างตามประเพณีตอนได้รับสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชฯ องค์ที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เพื่อบรรจุองค์พระเจดีย์ในวัดมหาธาตุ ที่ประทับรับฐานา เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา และมอบผู้ร่วมงาน

เป็น พระเนื้อผงพุทธคุณ รูปทรงสี่เหลี่ยม (ชิ้นฟัก) สีขาวกับสีแดง (พบที่กรุวัดสร้อยทอง) พิมพ์พระที่พบทั้ง ๒ วัด มี ๕ พิมพ์ คือ ๑.พิมพ์สังฆาฏิ (เข่าตรง) ๒.พิมพ์ฐานคู่ (เข่าโค้ง) ๓.พิมพ์เกศอุเปลวเพลิง ๔.พิมพ์โต๊ะกัง (เนื้อแดง) ๕. พิมพ์เปลวเพลิงเล็ก

เนื้อพระแยกได้เป็น ๑.เนื้อวัดมหาธาตุ จะละเอียดนุ่มแน่นแกร่ง ๒. เนื้อหยาบมีกรวดทรายเกสรดอกไม้มาก ของวัดสร้อยทอง ๓.เนื้อผงสีแดงปูนแห้ง ด้านหลังองค์พระ มีอักขระลายมือจารคำบาลีว่า “อรหัง” ปั๊มจมเข้าเนื้อ เรียกว่าหลัง “โต๊ะกัง” องค์นี้ ของ เสี่ยสถิต ราชบุรี เป็น พิมพ์ฐานคู่ สภาพสวยสมบูรณ์เดิมๆ เด่นที่ พิมพ์พระที่ลึกชัด เนื้อจัด ดูง่าย และลายมือจารพิเศษด้านหลัง ที่นับตัวแล้ว มีมากกว่าคำว่า “อรหัง” ซึ่งเป็นอีกรอยลายมือจาร มาตรฐานนิยม ที่มีพบน้อยองค์

พระรอด พิมพ์เล็ก วัดมหาวัน ของ โจ๊ก ลำพูน.

อีกองค์ จาก เสี่ยโจ๊ก ลำพูน เป็น พระรอด พิมพ์เล็ก วัดมหาวัน อ.เมือง จ.ลำพูน สภาพกำลังงาม มีริ้วรอยสัมผัสใช้ทั่วองค์ ทำให้เนื้อพระเข้มข้นจากการจับต้อง ถูกเหงื่อถูกมือ องค์พระจึงดูเข้มขลัง น่าใช้บูชา

เป็นพระเครื่องชั้นนำ ระดับเบญจภาคี ที่มีชื่อเสียงประสบการณ์ อานุภาพด้านคุ้มครองป้องกันให้แคล้วคลาดภัย มานับพันปี จึงมีตลาดรองรับตลอด

พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง วัดนางพญา ของ พรรคคูวิบูลย์ศิลป์.

ถัดไป เป็น พระนางพญา พิมพ์เข่าโค้ง วัดนางพญา อ.เมือง พิษณุโลก จัดเป็น พิมพ์ใหญ่ ยอดนิยม นัมเบอร์วัน ในสกุลพระนางพญา ที่มีความงามด้วยพุทธศิลป์อยุธยา พุทธคุณเด่นทั้งคุ้มครองป้องกันภัย เสริมบารมี อำนาจวาสนา และเมตตามหานิยม

ด้านพุทธพาณิชย์ ก็ขึ้นชื่อเป็นพระหลักยอดนิยม ที่ซื้อง่ายขายคล่อง เพราะตลาดมีความต้องการสูง จากผู้หญิงระดับผู้บริหาร

องค์นี้ ของ เสี่ยพรรค คูวิบูลย์ศิลป์ ในรูปจะดูเหมือนปลายยอดแหลมด้านบนจะหลุดหายไปนิดนึง แต่ก็เป็นมาแต่เดิมในกรุ ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาสองล้านบวกลบ ก็น่ารัก คุ้มค่า เพราะ พระพิมพ์ใหญ่นิยมสุด สวยเนี้ยบแบบนี้ ถ้าเนื้อปลายยอดอยู่ครบ ราคาซื้อขาย เกิน ๕ ล้าน แน่นอน เจ้าค่ะ

พระนางพญา พิมพ์เทวดา วัดนางพญา ของ ช้าง ท่าดินแดง.

ตามมาด้วย นางสกุลเดียวกัน ในหมวดพิมพ์เล็ก พระนางพญา พิมพ์เทวดา วัดนางพญา พิษณุโลก–พระสภาพแชมป์ สมบูรณ์เดิมๆ แบบองค์นี้ของ เสี่ยช้าง ท่าดินแดง นับวันจะยิ่งหายาก ราคายิ่งแพงขึ้น

พระปิดตา พิมพ์ข้าวตอกแตก เนื้อผงใบลาน หลวงปู่เอี่ยม วัดหนังฯ ของ กฤษฏ์ คงวุฒิปัญญา.

อีกสำนัก เป็น พระปิดตา พิมพ์ข้าวตอกแตก เนื้อผงใบลาน (ดำ) ของ หลวงปู่เอี่ยม วัดหนังฯ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พระเครื่องของดีที่หายากสุดๆ เพราะต้องสร้างอย่างพิถีพิถัน โดยนำ เนื้อผงใบลาน ที่เป็นตำรับวิชาอักขระพระคาถาโบราณ มาเผา ทำเป็นผงพระ (ตรงนี้ก็อาจมีคนคิดว่า เป็นการทำลาย ใบลาน ตำราประวัติ ศาสตร์ หรือเปล่า แต่ยุคนั้น ใบลานมีมากมาย เหมือนหนังสือ)

พอกดพิมพ์เป็นองค์พระ ก็ปลุกเสกกำกับทุกขั้นตอน จึงสร้างยาก มีน้อย ปัจจุบันได้รับความนิยมสูง แต่น้อยคนจะได้ โดยเฉพาะองค์งามๆ พิมพ์ติดชัด เนื้อจัดๆ อย่างองค์นี้ ของ เสี่ยกฤษฏ์ คงวุฒิปัญญา

เหรียญพระพรหม หลวงปู่สี วัดสะแก ของ อิทธิ ชวลิตธำรง.

สุดท้าย เป็น เหรียญพระพรหม วัด สะแก อ.อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา ของ หลวงปู่สี พินทสุวัณโณ พระเกจิฯเมืองกรุงเก่า ที่พระเกจิยกย่อง ว่าท่าน สำเร็จวิชาเตโชกสิณ มีพลังจิตแก่กล้า อาคมเข้มขลัง

ท่านเป็นชาวเมืองกรุงเก่า เกิดที่บ้าน ต.กระจิว อ.อุทัย อายุ ๑๒ ปี บวชเณร ที่วัดเลียบ กรุงเทพฯ เป็นศิษย์เรียนวิชาภาษาไทยและมูลกัจจายน์ พระอาจารย์โปร่ง กับ พระอาจารย์ยัง ขยันเรียนเป็นที่ชื่นชมของครูอาจารย์

ถึงอายุครบบวช ก็กลับไปบวชที่วัดสะแก โดยมี หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแด่ วัดสะแก เป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อพุฒ วัดสะแก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายา “พินทสุวัณโณ” และอยู่วัดสะแก มาตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๕๘-๒๕๖๒ รวม ๖๖ ปี

ท่านสนใจเรียนวิชาไสยศาสตร์ คาถาอาคม พุทธาคม ได้เป็นศิษย์ หลวงพ่อกลั่น ปรมาจารย์ทางวิชาอาคมในยุคนั้น ซึ่งนอกจากสอนวิชา ยังมอบตำราพระเวท อักขระเลขยันต์ เป็นสมุดข่อยเก่าโบราณปิดทองล่องชาดทุกเล่ม ซึ่งเป็นตำรับวิชาวัดประดู่โรงธรรม ซึ่งตกทอดมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ทำให้ท่านเป็นผู้มีความรู้แก่กล้า ด้านวิชาอาคม

ถึงราวปี พ.ศ.๒๔๘๐ ครั้งเกิดสงคราม โลกครั้งที่ ๒ ได้ร่วมกับ อ.เฮง ไพรวัลย์ พระสหธรรมิกสมัยบวชเรียนวิชา และเป็น ศิษย์หลวงพ่อกลั่น ด้วยกัน สร้าง เหรียญพระพรหมสี่หน้า นี้ขึ้น และต่อมา ก็สร้าง แหวน ผ้าขอด ตะกรุด เหรียญ รูปเหมือน ซึ่งทั้งหมด คณะศิษย์ขออนุญาตจัดสร้างและนำมาให้ท่านปลุกเสก โดยถวายวัตถุมงคลให้ท่านครึ่งหนึ่ง อันนี้ เป็นเหรียญพระพรหม เนื้อสัตโลหะ ของ เสี่ยเพชร–อิทธิ ชวลิตธำรง

วันนี้ มีสัมปทานพอ จึงขอตอบ คำถามสนามพระ ที่ยังค้างอื้อ อีกเรื่อง ซึ่งท่านผู้ชมถามมาเรื่อง สมัยนี้ ยังมีการทำคาถาอาคมกันหรือเปล่า เพราะเป็นยุควิทยาศาสตร์แล้ว ถ้าทำยังได้ผลไหม

เป็นคำถามที่น่าสนใจ แต่ก็ตอบยากส์ จึงขอตอบกลางๆ ตามที่ได้คุยกับคนที่สนใจวิชาคาถาอาคม ว่า เป็นความเชื่อที่ยอมรับว่า ต้องมีผล (มากน้อยไม่รู้) เพราะเรื่องความเชื่อเหล่านี้ เรามีมาตั้งแต่โบราณ และมีกันทุกชาติ และยังมีการใช้อยู่ ถ้าของไม่ดี ไม่จริง ย่อมสูญหายไป

สำหรับเมืองไทย ก็มีการใช้วิชาอาคมกันชัดเจนที่สุด ในแวดวงวัด ซึ่งใช้กันมาก ในการสร้างพระเครื่องของขลัง เพราะต้องมีเรื่องของการปลุกเสกเลขยันต์ ใช้มนตร์คาถา ฯลฯ มากมาย

ที่ใช้กันในวงการพระ มากกว่าฆราวาส เพราะเชื่อว่า ผู้ที่จะใช้คาถาอาคม ต้องมีพลังจิต และมีศีลบริสุทธิ์ คาถาจึงจะเกิดผล–นี่เอง จึงทำให้ทำไมพระเกจิบางรูปถึง ขลัง แต่บางรูปก็ฟลอร์ๆ

เรื่องของ พลังจิต เป็นได้ทั้งในแนววิทยาศาสตร์ที่เร้นลับ หรืออาจบอกเป็นเรื่องของวิชาอาคม ซึ่งหลายเรื่องที่ เหนือคำอธิบาย พิสูจน์ไม่ได้ ว่าทำไมเกิดปาฏิหาริย์อภินิหาร แต่ก็เกิดขึ้นจริงๆ แบบมีพยานหลักฐาน–ดังนั้น ความเห็นก็เอียงไปทางว่า คาถาอาคมต้องมีผล ไม่เช่นนั้นจะไม่อยู่ยั้งยืนยงมาจนถึงวันนี้ ที่คนยังเชื่อถือ นำมาใช้ในพิธีกรรมต่างๆอยู่

มาถึงเรื่องปิดท้าย ที่ชลบุรี ซึ่งมีพายุฟ้าฝนถล่มเมือง บ้าน ลุงชม ในพื้นที่ ก็เลยโดนเต็มๆ จนน้ำท่วมสูง ๒ เมตร และยังไม่มีทีท่าสงบ

ลุงชม ซึ่งเป็นศิษย์ที่เคารพศรัทธา หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง แบบเข้าเส้น ออกวัตถุมงคลรุ่นไหนดี รุ่นไหนดัง แกเช่ามาเก็บไว้เพียบ โดยมี นายก๋อย เป็นเพื่อนคู่หู ออกตระเวนหา

ลุงชม จึงตัดสินใจพึ่งบารมีหลวงปู่ โดยไปค้น ผ้ายันต์พัดโบก (ขาว-แดง) ที่เชื่อว่ามีอานุภาพป้องกันฟ้าฝน มาใส่มือ ยืนพนม โบกวนเหนือหัว อธิษฐานขอบารมีหลวงปู่ช่วย

โบกไปโบกมาอยู่นาน พายุฝนก็ไม่ยอมหยุด กลับดูรุนแรงขึ้น จน ลุงชม ชักเมื่อยมือ และท้อ

ตาก๋อย บ้านอยู่ใกล้กัน เห็นก็ตะโกนถามว่าแกทำอะไร ลุงชม ก็ตะโกนตอบว่า ข้าอาราธนา ผ้ายันต์พัดโบก หลวงปู่ ให้ช่วยปัดเป่าพายุให้พ้นบ้าน แต่เหมือนจะไม่ได้ผล

ตาก๋อย หัวเราะ บอกว่า จะให้ได้ผลยังไง ก็แกเล่นโบกผ้ายันต์หมุนวนเป็นพัดลมเพดาน แบบนี้มันผิดวิธี และสอนว่า จะพัดไล่ ก็ต้องโบกออกจากตัว หรือจะเรียกมา ก็โบกๆเข้าหาตัว–ถ้าพัดหมุนวนอย่างนี้ หลวงปู่แก่แล้ว เวียนหัวแย่ จะช่วยยังไงไหว เจ้าค่ะ อามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง