ป้าเล็ก…ก๋วยเตี๋ยวต่อแถว แนวบ้านๆย่านพิบูลวัฒนา




หลายปีก่อน…ใครไปแฟลตอาคารพิบูลวัฒนา ริมคลองประปาสามเสน ถ.พระราม 6 เขตพญาไท จะเจอนางเล็ก คำลอย เข็นรถขายก๋วยเตี๋ยวเนื้อส่งลูกสาวเรียนหนังสืออยู่แถวนั้นแน่นอน

“คุณชาย 3” พอจะคุ้นๆแฟลตที่ว่าผู้อาศัยส่วนใหญ่เป็นคนชั้นกลางวัยทำงาน นักการเมืองเก่าๆบางคนเติบใหญ่เป็นรัฐมนตรี เคยเป็นประชาชนชาวแฟลตที่นี่มาก่อน เพราะอยู่ใกล้ที่ตั้งพรรคการเมืองรุ่นลายคราม และใกล้รัฐสภาหน้าเขาดิน…สะดวกจะไปประชุมยกมือผ่านกฎหมาย โดยไม่ต้องพึ่งใครเสียบบัตรให้…อิ…อิ

ต่อมา…นางเล็กหรือ “ป้าเล็ก” พอจะมีทุนเช่าเปิดร้านได้ย่านนั้น แต่เปลี่ยนเป็นก๋วยเตี๋ยวหมูเพราะคนเริ่มเลิกกินเนื้อ ลูกค้าส่วนใหญ่ 100% เป็นมนุษย์เงินเดือนมายืนต่อแถวรอคิวดูน่ารักดี แถมคนยืนหน้าสุดยินดีรับชามก๋วยเตี๋ยวแล้วส่งต่อเป็นทอดๆ ให้เจ้าของออเดอร์ที่มาก่อน…นับเป็นวัฒนธรรมไทยโบราณ ที่คุณชายแปลความหมายได้ว่า นิสัยคนไทยเคยเอื้ออารีรู้จักช่วยเหลือกัน…เทียบกับไทยแลนด์ยุค 4.0 แล้วเศร้า

เพราะเปลี่ยนเป็นสมัย “ตัวใครตัวมัน”

ร้านก๋วยเตี๋ยวป้าเล็กเจ้าของแบรนด์ “สูตรเด็ด…ต้มยำซี้ด” จำเป็นต้องย้ายไปที่ใหม่ย่านเก่า ตรงปากซอยพิบูลวัฒนา 10 หลัง “สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ซึ่งร้านใหม่ล่าสุดนี้ลูกค้ายังเรียกติดปาก “ก๋วยเตี๋ยวต่อแถว”

ตั้งหลักเริ่มต้นที่แฟลตอาคารพิบูลฯ ด้าน ถนนพระราม 6 เข้าไปถึงซอย 8 ที่ดัดแปลงเป็น “ตลาดหลังกระทรวงการคลัง” ตรงนี้ให้เลี้ยวซ้ายราว 50 เมตร ก็จ๊ะเอ๋ร้านป้าเล็กหัวมุมซอยพิบูลวัฒนา 10 หรือถ้ามาจาก ถ.พหลโยธิน เข้าทางซอยอารีย์ (พหลโยธิน 7) ผ่านกรมสรรพากรและกระทรวงทรัพย์ฯ เฉี่ยวกรมประชาสัมพันธ์ แล้วเข้าตลาดหลังกระทรวงการคลัง เลี้ยวขวาอีกนิดก็จุ๊กกรู๊ร้านป้าเล็กได้เหมือนกัน

เอาล่ะ…ได้เวลาที่คุณชายตั้งใจจะไปปักหมุดหยุดเวลาเจ้าของแบรนด์ “ต้มยำซี้ดดดด” เสียที…บรรยากาศช่วงเที่ยงวันดูคลาคล่ำด้วยคนเจนวาย หนุ่มสาววัยทำงาน เห็นจุ้มปุ๊ก รอคิวก๋วยเตี๋ยวต่อแถวอยู่เต็มที่นั่ง ด้วยระยะห่างที่เป็นไปตามนโยบายสาธารณสุข

@@@@

ป้าเล็กปักหลักเป็นคนหน้าเตาอายุอานาม 77 ปี…ได้ลูกสาวคือ “กนกกร” ชื่อเล่น “ต้อย” วัย 50 ปี ยืนเคียงคู่ดูกระฉับกระเฉงไม่แพ้ร้านอาเฮีย อาซิ้ม อาซ้อ อีกอย่างเครื่องที่ใช้เป็นวัตถุดิบเห็นวางอยู่ตรงหน้า…มันช่างเยอะเสียจนคุณชายขี้เกียจจะแจกแจง ส่วนภายในร้าน…อืมม์ อดเล่าไม่ได้ ที่ใช้คนในครอบครัวสองคนสวนสนามช่วยกันเสิร์ฟ น้ำดื่มให้ลูกค้าช่วยตัวเองกับคนประสงค์จะปรุงรสเพิ่มก็มีให้ ณ มุมส่วนรวมดูแล้วน่าสนุก

คุณชายรอคิวจนได้ชามแรกเป็น “ต้มเลือดหมู” ย้ำว่าต้มเลือดหมูชามนี้ฟันธง! รสชาติหวานปนเค็มอมเปรี้ยวมะนาวนิดๆ เสน่ห์มีที่ไร้กลิ่นคาว เคมีตรงกันกับคนชอบรสกลางชิมแล้วไม่ต้องลุกไปปรุงรสเพิ่มอีก

“น้ำซุปจะหวานนำแบบธรรมชาติจากกระดูกเล้งที่ต้มวันละ 10 กิโลกรัมนาน 2 ชั่วโมง ไม่ใส่ผงชูรสแต่เติมน้ำตาลกรวดแค่พองามไม่ให้หวานเกินไป นอกจากนี้มีรากผักชี พริกไทย ซอสปรุงรสแล้วก็ซีอิ๊วขาว รสชาติถึงออกมาพอดิบพอดีสไตล์บ้านๆ” ลูกสาวว่าอย่างนั้น

วัตถุดิบที่ใช้…แหมพูดแล้วจะหาว่าโม้ สงสัยป้าเล็กกับแม่ต้อยมือเติบด้วยกันทั้งคู่ ใส่กันแบบไม่บันยะบันยัง…มีเลือดหมูก้อนโต 3 ก้อน หมูหมัก แล้วยังมีหมูสับบะช่อ ลูกชิ้นกุ้ง ฮือก๊วยหรือปลาเส้น แค่นี้ไม่พอ…ยังปนมาด้วยลูกชิ้นหมู ตับกับไส้ “หล่อ” ที่สุดคือ “กากหมู” ที่เจียวเองวันละ 3 กิโลกรัม ใส่โรยหน้าแบบไม่ยั้งมือ

“นอกจากนี้ต้องมีผักสมุนไพรไทยใส่ผสม อาทิ ผักกาดหอม ตำลึง ขึ้นฉ่าย ได้ผักชีโรยหน้ามาให้เห็น รสชาติจึงหอมกลมกล่อมทั้งน้ำซุปและวัตถุดิบเครื่องผสม” ลูกสาวอธิบายเพิ่ม คุณชายแอบนึกในใจ… “แบบนี้ไม่เห็นในเหลาหรือตึกแถวอาเฮียจะมากมายขนาดนี้เด็ดขาด?”

@@@@

แล้วก็มาถึงเมนูที่สอง…ก๋วยเตี๋ยวซิกเนเจอร์ประจำร้าน คุณชายเลือก “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ” ที่เขาว่ากินแล้วต้องร้องซี้ดดดด…ตามคำเชื่อที่ร่ำลือกันมา ชามนี้หน้าตาคล้ายก๋วยเตี๋ยวกรุงเก่า ที่มโนเห็นยายคนขายนุ่งโจงกระเบนสวมเสื้อคอกระเช้าอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ลานใต้ถุนบ้าน

คือ…มีน้ำซุปนำร่องหอมกลิ่นกระดูกหมู ส่วนวัตถุดิบอย่างเคยมีหมูหมัก หมูสับบะช่อยืนพื้น ครบเครื่องเรื่องลูกชิ้นปลา หมู กุ้ง กับฮือก๊วย ตับและไส้หมู ตามด้วยเครื่องต้มยำ ถั่วลิสงป่น พริกป่น มะนาวบีบใส่สดๆ ผักขึ้นฉ่าย ต้นหอม ผักชี กระเทียมเจียว…สุดท้ายก็อีกนั่นแหละขยัน “หล่อ” ด้วยกากหมู

จบแบบสวยๆแต่งหน้าด้วยเกี๊ยวกรอบ…โอ้โฮเป็นก๋วยเตี๋ยวที่แสนอร่อย กินไปร้องไห้ไป 555

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสสำหรับคนคออ่อนไม่คุ้นรสเผ็ด เกี๊ยมอี๋น้ำ…ที่ต้องแนะนำ “เย็นตาโฟ” สูตรปลาหมึกกรอบ เลือดหมู เกี๊ยวปลา เห็ดหูหนู กระเทียมเจียว แต่ให้กลมกลืนไลฟ์สไตล์ต้อง “เย็นตาโฟต้มยำ” และ “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแห้ง” ที่กินไปร้องไห้ ไปเช่นกัน

เอาจริงๆป้าเล็กขายทุกเมนูโดดเด่นสุดๆด้วยว่าไม่ขี้เหนียวเครื่อง…แถมราคาเริ่มต้นเท่ากับร้านระดับหมู่บ้านและตำบลเคาะที่ชามละ 40 บาท พิเศษ 50 บาท บะหมี่ 2 ก้อน 55 บาท …ไม่ขึ้นราคาตามเนื้อหมูในตลาดชั้นอำเภอและจังหวัด เพราะถือว่าช่วยข้าราชการตัวเล็กๆ ถึงใส่เครื่องให้เยอะๆ…ค้ากำไรแค่พออยู่ได้

ส่วนลูกค้าหนุ่มๆคนไหนท่าทางกินจุจะแถม “เล้ง” ให้ฟรีๆ…บอกเสียก่อนร้านเปิดขาย 7 โมงเช้าแต่เป็นกับข้าวถุงออนไลน์ ให้สมาชิกในกลุ่มไลน์ประมาณ 50 คน วันละ 100-300 จานหรือถุง พอถึง 10 โมงจึงจะเปิดรอบก๋วยเตี๋ยวต่อแถว ครั้นบ่ายสองหมดลูกค้าก็ปิดร้าน…กระซิบเบาๆหยุดทุกวันสุดสัปดาห์กับทุกวันหยุดพิเศษที่รัฐบาลมีให้…โดนใจสนใจใคร่ชิมติดต่อไปได้ที่เบอร์ 08-5512-1390 นะครับ

กินก๋วยเตี๋ยวต้มยำเจ้านี้…ถ้าไม่ร้อง ซี้ดดดด…ติดปาก จะขอยกนิ้วให้เลย “นายแน่จริงๆ”.

คุณชาย 3