ประกอบไทย วิ่งไฟฟ้าไกล 30 กม. ทดสอบ BMW X3 xDRIVE 30e M SPORT LCI 2022




X3 รถยนต์อเนกประสงค์ SUV รหัสตัวถัง G01 เวอร์ชันปรับโฉม LCI 2022 มีหน้าตาที่ลงตัวมากกว่าเดิม งานดีไซน์ใบหน้าใหม่ ได้รับการปรับเปลี่ยนในเวอร์ชัน LCI โดยมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนหลักๆ ให้คมเข้มมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นวิธีการที่ BMW ใช้กับรถรุ่นปรับโฉม LCI life cycle impulse สำหรับ G01 เป็นเอสยูวีไซส์กลางที่มียอดขายดีงามในตลาดรถพรีเมียม ใช้โครงสร้างแบบโมโนค็อก ปรับเปลี่ยนโครงสร้างบางส่วนมาใช้โลหะน้ำหนักเบา เสริมจุดท่ีจะต้องรับแรงให้มีความแข็งแกร่ง เช่น รองรับการบิดตัวได้ดีขึ้นขณะไต่เนิน หรือเบรกเต็มกำลัง เป็นที่มาของโครงสร้างที่มีความแข็งแรงมากกว่าเดิม สำหรับการขับขี่ทั้งบนทางราบและออฟโรด BMW New X3 xDRIVE 30e M Sport LCI Plug in Hybrid เป็นรถ X3 รุ่นท้ายๆ ที่ใช้เครื่องยนต์พลังงานผสมปลั๊ก-อินไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ระบบอัดอากาศ BMW Twin Power Turbo มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงบิดที่ฝังอยู่ใน เกียร์ ZF 8 สปีด (กั้นกลางระหว่างเครื่องยนต์และเกียร์) กลายเป็นเทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่โดดเด่น ก่อนจะกลายไปเป็นไฟฟ้าเต็มตัวอย่าง iX3 สำหรับ X3 LCI รุ่นเสียบปลั๊กชาร์จไฟ มีจุดเด่นที่ความสามารถในการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าไกล 30 กิโลเมตร ควบรวมกับระบบความปลอดภัยใหม่! นี่อาจเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ที่สุดของ BMW เพื่อการเอาชนะรถ Mercedes Benz GLC หรือแม้แต่ Volvo XC60 และ Audi Q5 กับ Lexus NX ซึ่งยังเป็นรถเอสยูวียุคท้ายๆ ที่ยังคงใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านงานดีไซน์ BMW X3 ใหม่ รุ่นเสียบปลั๊ก มีหน้าตาที่ดูคล้ายกับ X5 โดยเฉพาะพื้นที่เบาะคู่หน้าที่กว้างขวางซึ่งมีตัวเลขขนาดความกว้างเกือบจะเท่ากับเอสยูวีรุ่นพี่

BMW X3 xDrive30e M Sport Plug in Hybrid (รุ่นประกอบในประเทศ) ราคา 3,799,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม และโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Standard)

X3 รุ่นปรับโฉม LCI มีใบหน้าที่ดุดันกว่าพี่น้องร่วมวงศ์ตระกูลอย่าง iX3 เอสยูวีไฟฟ้าที่ออกแนวหวานแหววถูกใจวัยรุ่นที่กำลังเล็งรถไฟฟ้า การเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆของรถ X3 รุ่นปลั๊ก-อิน เพื่อปรับความลงตัวและความสดใหม่ โดยเฉพาะรุ่น M Sport และสีเทาสุดสวยที่เข้ากับทริมของชิ้นงานตกแต่งภายนอกโทนสีดำ-เงา สำหรับ BMW เครื่องยนต์สันดาปในทุกวันนี้ มีการใส่ความทันสมัยในทุกองค์ประกอบ โดยเฉพาะระบบขับเคลื่อน บางรุ่นอย่าง iX3 ก็กลายร่างไปเป็นรถยนต์ไฟฟ้า การออกแบบที่สวยงาม งานดีไซน์ที่คุ้นเคยจากแบรนด์ตราใบพัด กระจังหน้าขนาดยักษ์ของใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม (มาก) กระจังไตคู่ไซส์โตทำจากพลาสติกสีดำเงา ไม่มีระบบเปิด-ปิดกระจังอัตโนมัติ

สำหรับ New X3 รุ่น xDRIVE 30e M-Sport LCI มีการเติมรายละเอียด ความดุดันสำหรับการข่มรถคู่แข่งซึ่งไม่ได้มีหน้าตาโหดแบบนี้ ด้วยเรือนร่างที่สูงใหญ่ เห็นได้ชัดว่า X3 มีความแตกต่าง และดูเอาจริงเอาจังมากยิ่งขึ้น เมื่อมองรูปทรง X3 2022 มีมิติตัวถัง ยาว 4,716 มิลลิเมตร กว้าง 1,897 มิลลิเมตร สูง 1,676 มิลลิเมตร ฐานล้อยาว 2,864 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า 1,610 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหลัง 1,594 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้อง 204 ความจุถังเชื้อเพลิง 65 ลิตร น้ำหนัก 1990  กิโลกรัม หนักกว่า X3 20d เครื่องยนต์ดีเซล เฉียดๆ 200 กิโลกรัม เนื่องจากมีทั้งมอเตอร์และแบตเตอรี่ไฮบริด ปริมาตรการบรรจุสัมภาระอยู่ที่ 550 – 1,600 ลิตร และมีขนาดของตัวถังเล็กกว่า BMW X5 แค่นิดเดียว ฝาท้ายไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกในการเปิด-ปิด พร้อมช่องเก็บสายไฟสำหรับชาร์จในที่พักอาศัย

X3 Plug in Hybrid มาพร้อมของแต่งแนวสปอร์ต รถทดสอบรุ่น xDRIVE 30e M-Sport ใส่ชุดแต่ง M ด้วยกันชนหน้าใหม่ มีดีไซน์ที่เต็มไปด้วยช่องรับอากาศ มิติตัวถังเมื่อเทียบกับ X3 รุ่นที่ผ่านมา ยาวขึ้น 60 มิลลิเมตร กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร สูงขึ้นอีก 15 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเมื่อเทียบกับ X3 เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร แล้ว เจ้า X3 ปลั๊ก-อิน รุ่นใหม่ หนักถึง 1990 กิโลกรัม ทรงแบบเอสยูวีไซส์กลาง มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.29 (cd0.29) เป็นตัวเลขที่ดี เมื่อเทียบกับขนาดที่ใหญ่โต New X3 xDRIVE 30e M-Sport มาพร้อมกับไฟหน้าแบบ Adaptive LED โคมไฟอย่างเข้มดีไซน์ใหม่ให้มีความเฉียบคมของไฟหรี่ DLR จาก BMW Individual Lights Shadow Line ระบบไฟอัตโนมัติ Adaptive LED ที่สามารถปรับเปลี่ยนลำแสงได้เองสำหรับการส่องสว่างในตอนกลางคืนเมื่อขับบนถนนที่มืดมิด ไฟสูงจะยังคงทำงานแม้มีรถแล่นสวนมาหรือรถที่วิ่งอยู่ข้างหน้า เพียงแต่ระบบไฟ Adaptive จะเบี่ยงเบนลำแสงไม่ให้ไปรบกวนรถ ไฟ LED มีความเข้มของกำลังส่องสว่างไกลเกือบ 600 เมตร มองเห็นด้านหน้าในคืนที่มืดมิดได้ดีมาก ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นและช่วยลดอุบัติเหตุจากการมองไม่เห็นในตอนกลางคืน บริเวณที่ปราศจากแสงไฟส่องถนนได้ดีมาก  

ไฟท้าย LED แบบใหม่ ทำให้สัดส่วนบั้นท้ายมีความสมบูรณ์แบบ ผสมกับชุดแต่ง M Sport กันชนมีชิ้นงานพลาสติกสีดำ-เงา ท่อระบายไอเสียทรงเหลี่ยมที่เข้ากับรูปแบบของกันชนหลัง ไฟท้ายของรถรุ่น LCI แตกต่างจากไฟท้ายของรุ่นก่อนปรับโฉมอย่างเห็นได้ชัด กระจังหน้าไตคู่สีดำเงาใหญ่โตมโหระทึก ไม่มีระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ จากความต้องการเหนี่ยวนำอากาศเย็นไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์ เรือนร่างโดยรวมออกแนวตันๆ อวบอ้วน ใหญ่กว่า Q5 และ GLC เล็กน้อย เนื่องจากการปรับขยายขนาดออกไปทุกทิศทุกทางเพื่อเพิ่มพื้นที่ของการใช้สอย G01 LCI ยังมาพร้อมกับฝาท้ายไฟฟ้าช่วยอำนวยความสะดวกในการขนสัมภาระ แรคหลังคาในรุ่น M-Sport สีดำทำจากอะลูมิเนียม สำหรับการยึดติดกับอุปกรณ์ต่างๆ ระดับความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องที่พร้อมลุยทางวิบากมากถึง 204 มิลลิเมตร เอาตัวรอดบนเส้นทางออฟโรดได้สบายๆ รุ่น M-Sport ยัดล้ออัลลอยลาย M ขอบ 20 นิ้ว ลาย Double-spoke ล้างง่าย เอาฟองน้ำล้วงไปทำความสะอาดด้านในของขอบล้อได้ ล้อ M สีเงินสลับเทา ห่อรัดด้วยยาง Pirelli P ZERO RFT (รันแฟลต) ยางหน้า 245/45R20 102W ยางหลัง 275/40R20 106W โดยภาพรวม New X3 รุ่นปลั๊ก-อินไฮบริด เวอร์ชันปรับโฉม 2022 ที่ประกอบและขายในประเทศไทย มีพัฒนาการที่ดีขึ้นแทบจะทุกตำแหน่ง โดยเฉพาะระบบรองรับที่ปรับจูนมาจนไดนามิกส์มีความสมดุลสูงสุด ยืดหยุ่นมากขึ้นและซึมซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น 

G01 LCI เป็นเอสยูวีไซส์กลางที่มีแชสซีที่ปรับสมดุลของแชสซีได้อย่างดีเยี่ยม รวมไปถึงการกระจายน้ำหนักในอัตราส่วนหน้า-หลังที่เท่ากันบนตัวเลข 50/50 ส่งผลไปถึงการวิ่งทั้งทางตรงและทางโค้งที่มีอาการโคลงตัวไม่มาก นอกจากนี้ ยังมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive กลไกขับเคลื่อนทุกล้อเวอร์ชันล่าสุดของ BMW ที่ปรับปรุงมาเพื่อแก้ทางมวยกับ Mercedes Benz GLC300e Plug in Hybrid ที่มีระบบ 4Matic กับคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง Audi Q5 Ultra Quattro ระบบขับเคลื่อนทุกล้อ xDRIVE ของ X3 30e มีการปรุงแต่งประสิทธิภาพให้ทำหน้าที่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ด้วยความคาดหวังของผู้บริหารของ BMW ว่า X3 ทั้งรุ่นเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า จะเป็นยานยนต์ off-road สายพันธุ์แท้ที่ตอบสนองการใช้งานอันหลากหลายของลูกค้าได้ดีขึ้น

งานตกแต่งภายในของ BMW X3 ใหม่ทั้งหมดเป็นไปตามประเพณีของ BMW พร้อมกับรูปแบบ Cockpit ที่ปรับแต่งให้เหมาะกับผู้ขับและผู้โดยสาร โดยนำเสนอรูปลักษณ์ที่คล้ายคลึงกับภายในของ BMW Series-5 LCI ไล่จากแดชบอร์ดขนาดใหญ่ เบาะหนังแท้คู่หน้าปรับไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่ง กระจกหลังคา Panoramic กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของผืนหลังคาใหญ่โตสะใจ จอภาพมอนิเตอร์กลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัสหรือใช้มือโบกไป-มา จอภาพพาโนรามากว้าง 10.25 นิ้ว วัสดุหรูหราเกรดสูง เช่น หนังแท้ งานอัลลอย พลาสติก และผ้าบุเสาและหลังคาดูดีขึ้นคล้ายกับ X5 แต่เล็กกว่านิดหน่อย X3 LCI M Sport มาพร้อม BMW Live Cockpit Professional OS7 ระบบปฏิบัติการแบบใหม่ ที่มีซอฟต์แวร์ล้ำๆ คอยควบคุมการทำงาน มาตรวัดและจอภาพติดตั้งฟังก์ชันการใช้งานแบบใหม่ที่เพิ่มเติมข้อมูลต่างๆ รวมไปถึงจอ HUD ที่แสดงข้อมูลแบบสะท้อนกระจกบังลมหน้าตรงหน้าคนขับ ในตำแหน่งที่ชัดเจน Live Cockpit Professional OS7 ออกแบบให้ใช้งานง่าย ก่อนที่จะกลายไปเป็น OS8 ซึ่งประจำการอยู่ใน Cockpit ของยานยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ตราใบพัด ระบบ BMW ConnectedDrive เชื่อมต่อสื่อสารอุปกรณ์ภายนอก รองรับการใช้งานที่กว้างมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะการโทรออกฉุกเฉินเมื่อต้องการความช่วยเหลือจากศูนย์บริการอย่างเร่งด่วน สำหรับฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control) ปรับการทำงานให้มีความแม่นยำมากกว่าเดิมหลังจากโดนบ่นว่าใช้งานยาก ระบบเครื่องเสียง ลำโพง 16 ตำแหน่งกำลังขับ 464 วัตต์

ระบบเสียงรอบทิศทางของ BMW Harman Kardon (S688A) เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพด้านความคมชัดและพลังของเสียงเบส เสียงที่ขับออกมาจากลำโพงของ Harman ทำให้นึกถึงระบบเสียงระดับพรีเมียมที่ติดตั้งในบ้าน Harman Kardon (S688A) ประจำการในรถยนต์ขนาดใหญ่ เช่น X3  X5, X4 หรือ 5 Series มาพร้อมกับลำโพง 16 ตัว รวมถึงวูฟเฟอร์ 2 ตัว (8 โอห์ม) และลำโพงเสียงกลางจัดๆ อีก 7 ตัว พร้อมด้วยทวีตเตอร์ที่เปล่งเสียงแหลมคมกริบใสกิ๊งอีก 7 ตัวที่วางไว้ทั่วห้องโดยสารในตำแหน่งที่ได้รับการคำนวณค่าทางอะคูสติกมาเป็นอย่างดี และแน่นอนว่าการจัดวางนั้นมีความเหมาะสมมาก ดีกว่าเครื่องเสียงของรถคู่แข่งอย่าง GLC และ Q5 แต่ยังเทียบไม่ติดกับมาตรฐานระดับโลกของ Mark Levinson ซึ่งเป็นออปชันเสริมราคาแพงที่เจ้าของต้องควักเงินเพิ่ม โดยประจำการอยู่ในยานยนต์ปฏิวัติอย่าง Lexus NX

สำหรับนักขับที่ชื่นชอบการปรับแต่งระบบเสียง ซับวูฟเฟอร์ของ BMW Harman Kardon นั้นมาพร้อมกับอิมพีแดนซ์ 8 โอห์ม ซึ่งสูงกว่าที่คุณจะพบในรถยนต์เอสยูวีไซส์กลางรุ่นอื่นๆ ดังนั้น เมื่อคุณพยายามปรับเปลี่ยนซัปวูฟเฟอร์ เพื่อให้มีขนาดที่บางกว่าเล็กน้อย การอยู่ภายในอิมพีแดนซ์ที่ใกล้เคียงกันจะเป็นประโยชน์ต่อเอฟเฟกต์เสียงมากกว่า

หัวใจของ Harman Kardon (S688A) คือแอมพลิฟายเออร์ประสิทธิภาพสูง การมี 10 ช่องสัญญาณทำให้มีกำลังขับสูงมากพอที่จะเขย่าห้องโดยสาร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแอมป์รุ่นนี้ เป็นเพาเวอร์แอมป์ที่หนักที่สุดในบรรดาแอมป์มาตรฐานของ BMW จากโรงงาน เมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆ (S688A) ใช้สายไฟเบอร์ออปติกเพื่อให้สัญญาณดิจิทัลมีความชัดเจนมากที่สุด และเสียงเพลงก็คมชัดเท่ากับคุณภาพของการบันทึก (น่าเสียดายที่ไม่มีเครื่องเล่น CD) การตั้งค่าอีควอไลเซอร์ BMW Harman Kardon ยังสามารถปรับแต่งเสียงเพลงตามความชอบเฉพาะตัว จากเฮดยูนิตที่ออกแบบให้ใช้งานได้ง่าย เมื่อเปรียบเทียบกับแอมพลิฟายเออร์น้องเล็กในระบบ S674A ที่มีแค่ 8 ช่องสัญญาณ และมีเอาต์พุตที่ต่ำกว่า รวมถึงตัวเลือกการปรับแต่งที่น้อยลง อันที่จริง S668A มันไม่ได้แตกต่างจากแอมพลิฟายเออร์รุ่นอื่นๆ ของ BMW มากนัก แต่ระบบนี้ ได้รับการปรับปรุงเพื่อยกระดับคุณภาพการรับฟังที่ดีขึ้น ลำโพงแบรนด์ Harman Kardon ใน Series-3 X3 X4 X5  Series-5 และ X6 มีการปรับปรุงเพื่อก้าวไปสู่ตัวเลือกระดับพรีเมียม และเพื่ออยู่ในใจของนักขับที่ชอบฟังดนตรีระหว่างการเดินทาง 

คอนโซลแดชบอร์ดคล้ายกับ X5 G05 แต่มีขนาดที่เล็กกว่า แดชบอร์ดเติมรายละเอียดให้มีความน่าใช้งานด้วยวัสดุตกแต่งคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นหนังแท้หรือหนังสังเคราะห์ รวมถึงงานคาบอนไฟเบอร์โชว์ลายที่ผ่านการเคลือบมาเป็นอย่างดี ผ้าบุหลังคาและพรมปูพื้นเนื้อดี พลาสติกเกรดสูง คาบอนไฟเบอร์ที่ต้องการเน้นความหรูหราของชิ้นงานประดับประดาอยู่บนแผงข้างประตูและล้อมกรอบจอภาพมอนิเตอร์กับชุดควบคุมอุณหภูมิ จอมอนิเตอร์ระบบสัมผัสแบบใหม่ล่าสุดคล้ายกับ Series-5 G30 LCI ใช้เซนเซอร์แบบ 3D ตรวจสอบการเคลื่อนไหวที่ใช้สั่งงานหน้าจอ หรือจะควบคุมฟังก์ชันต่างๆ ผ่านระบบปฏิบัติการ iDRIVE เวอร์ชันล่าสุด OS7 เป็นห้องโดยสารแบบใหม่ที่คำนึงถึงการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ โดยออกแบบให้คนขับเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้อุปกรณ์ภายใน เป็นความใส่ใจในความสะดวกสบายของคนขับและคนนั่ง

พวงมาลัย M วงอวบอ้วนจับได้อย่างถนัดมือ เป็นพวงมาลัยแบบเดียวกับ BMW New M5 รุ่น X3 xDRIVE 20d M-Sport ติดตั้งแป้น Paddle Shift เอาใจขาแรงเพื่อการสับเปลี่ยนเกียร์ที่รวดเร็วแค่กระดิกนิ้ว พวงมาลัย M ยังมีสวิตช์มัลติฟังก์ชันปรับตั้งระบบเครื่องเสียง ปุ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ BMW X3 LCI 30e M Sport มาพร้อมกับคุณสมบัติเสริมความสะดวกสบายมากกว่ารุ่นก่อน ซึ่งรวมถึงระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบ 3 โซน ซึ่งจะเพิ่มการควบคุมอุณหภูมิแยกต่างหากสำหรับช่องแอร์ด้านหลังสำหรับผู้โดยสารเบาะหลังซึ่งควบคุมผ่านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายของช่องด้านหลังเบาะผู้โดยสารตอนหลังแบบใหม่ สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบของเบาะหลังให้เป็นแบบ 40:20:40 ได้แบบแยกส่วนฟังก์ชันการเก็บสัมภาระมาตรฐานอำนวยความสะดวกสำหรับการใช้งาน

หัวเกียร์กับแผงควบคุม iDRIVE เปลี่ยนใหม่หมด ข้างคันเกียร์มีปุ่มปรับโหมดการขับเคลื่อนสี่รูปแบบคือ Electric/ Hybrid /Comfort/Sport และยังสามารถเข้าไปปรับแต่งการตอบสนองแยกย่อยในแต่ละโหมดได้อีกตะหาก โดยเฉพาะฟังก์ชัน Xtra Boost ในโหมดสปอร์ตนั้นสะใจใช้ได้ เทคโนโลยีใหม่ของ X3 Plug in Hybrid M-Sport ติดตั้งจอแสดงผลขนาดใหญ่แบบพาโนรามิกยาว 10.25 นิ้ว พร้อมคุณภาพของความคมชัดในระดับสูง และการสั่งงานเสริมด้วยฟังก์ชันสัมผัสที่หน้าจอ iDrive เวอร์ชันใหม่ล่าสุด OS7 แบบเดียวกับ BMW 5 Series G30 LCI และ Series-7 G12 LCI ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถควบคุมระบบ infotainment ได้ด้วยแป้นหมุนแบบเดิม หน้าจอสัมผัส 10.25 นิ้ว ใหญ่โตมองเห็นได้ชัดเจน พร้อมฟังก์ชันการควบคุมด้วยท่าทางแบบเลือกปรับตั้งได้ รวมถึงปุ่มควบคุมในระบบ iDRIVE ที่โปรแกรมมาให้ใช้งานได้ง่ายและรวดเร็วในการเข้า-ออกจากเมนูหลัก จอมอนิเตอร์แสดงผลกลางคอนโซล ทำหน้าที่เป็นจอภาพหลักของการเชื่อมต่อกับโลกภายนอก การปรับตั้งค่าต่างๆ นับร้อยรายการ ระบบแผนที่นำทางเนวิเกเตอร์ที่คมชัดและมีรายละเอียดสูง กล้องมอง 360 องศา พร้อมเส้นระนาบในการกะระยะ คุณภาพความคมชัดและฟังก์ชันที่หลากหลายของกล้องพร้อมเซนเซอร์รอบคัน รวมถึงระบบความปลอดภัยหลักที่เปิดใช้งานจะช่วยทำให้การเคลื่อนตัวในที่คับแคบปลอดภัยยิ่งขึ้น

หน้าปัดมาตรวัดแบบจอภาพ TFT ปรับเปลี่ยนไปตามโหมดของการขับเคลื่อน 4 รูปแบบ ไล่เรียงจาก  / COMFORT / SPORT / HYBRID / ELECTRIC นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยขั้นสูงเช่นเดียวกับรถยนต์ที่ดีที่สุดของ BMW ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องการ BMW X3 LCI ยังติดตั้งจอแสดงผล HUD ยิงสะท้อนตรงหน้าคนขับบนกระจกบังลม นับเป็นรถออฟโรดรุ่นใหม่ล่าสุดที่ดูดีและมีสมรรถนะที่สูสีกับ Mercedes Benz GLC และ Audi Q5 Quattro นอกจากนี้ เครื่องยนต์เบนซินยังใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น หัวฉีดแรงดันสูง เทอร์โบแปรผัน เกียร์ ZF 8 สปีด ปรับอัตราทดใหม่ และแชสซีที่มีน้ำหนักเบา มอเตอร์ไฟฟ้าเสริมแรงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้า เมื่อทำงานผสมผสานกับระบบรองรับ M Sport ต้องยอมใจเลยว่ามันขับได้ดีขึ้นอย่างที่คนของ BMW คุยเอาไว้จริง โดยเฉพาะความนิ่งในย่านความเร็วสูง ไม่ว่อกแว่ก เงียบ และพุ่งทะยานตามฝ่าเท้าจากการเสริมแรงบิดของทั้งสองระบบ (เครื่องยนต์+มอเตอร์ไฟฟ้า) อัตราเร่งไม่เป็นรองรถคู่ต่อสู้ กับไดนามิกที่ดี ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ BMW ตรงจุดนี้ถือว่าโดนใจคนชอบขับทางไกลที่เน้นความแม่นยำและความสบาย

X3 xDrive30e M Sport พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive และระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า eDrive ของ BMW ระบบปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด Sport Steptronic กำลังจากระบบไฟฟ้าสูงสุดที่ 80 กิโลวัตต์ / 109 แรงม้า โดยส่งพลังลงสู่ล้อทั้งสี่ รวมถึงโหมดการขับขี่ด้วยระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ประหยัดน้ำมัน และลดมลภาวะ

เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบ และมอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์เอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดรุ่นนี้ มีกำลังรวมสูงสุด 215 กิโลวัตต์ / 292 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงให้ลงมาที่ระดับ 35.7 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อย CO2 อยู่ที่ 64 กรัมต่อกิโลเมตร เมื่อรวมการใช้พลังงานทั้งสองรูปแบบ X3 xDrive30e M Sport มีอัตราการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 17.92 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน มาพร้อมกับเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ใหม่ล่าสุด BMW เคลมว่า เมื่อขับขี่ในโหมดไฟฟ้าล้วนทำระยะทางได้ 47 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน NEDC เมื่อทดสอบจริง ทำได้ประมาณ 28-30 กิโลเมตร ส่วนแรงบิดรวมสูงสุดของทั้งสองระบบอยู่ที่ 420 นิวตันเมตร เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 6.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

มอเตอร์ไฟฟ้าของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sport ใหม่ สามารถทำงานทั้งในรูปแบบการขับขี่พลังงานไฟฟ้าล้วน หรือเพื่อช่วยสนับสนุนการทำงานของเครื่องยนต์สันดาป ตามแต่โหมดการทำงานและสถานการณ์บนท้องถนนอีกด้วย โดยในโหมด Electric ซึ่งเปิดใช้งานได้ด้วยปุ่มปรับโหมด บริเวณซุ้มเกียร์ X3 xDrive30e M Sport ใหม่ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 135 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยปราศจากการปล่อยมลพิษ พร้อมมอบประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบเชียบ ไร้เสียงรบกวน โหมด EV แบบมาตรฐาน ทำความเร็วต่อเนื่องด้วยการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วนได้ดี ขณะเดียวกัน เครื่องยนต์สันดาปยังสามารถสลับมาทำหน้าที่แทนเมื่อเร่งความเร็วสูงขึ้น หรือเมื่อมีความจำเป็นต้องใช้พละกำลังจากเครื่องยนต์เพิ่มเติม เมื่อเครื่องยนต์และมอเตอร์ทำงานประสานกัน X3 xDrive30e M Sport ใหม่ จะแสดงประสิทธิภาพและพลังการขับขี่ให้สัมผัสได้ถึงขีดสุด โดยในขณะที่เร่งความเร็ว มอเตอร์ไฟฟ้าจะมอบการตอบสนองที่ทันใจกว่าอย่างชัดเจน และในการขับขี่ด้วยความเร็วคงที่ มอเตอร์ไฟฟ้าก็จะช่วยลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงรวมถึงลดการปล่อยมลพิษ

โหมด Sport กำหนดสถานะการชาร์จของแบตเตอรี่แรงดันสูงให้อยู่ในระดับสูงสุดในขณะที่กำลังขับเคลื่อน เมื่อผู้ขับต้องการกักเก็บพลังงานเพื่อสลับมาเลือกขับขี่แบบไร้มลภาวะ ขณะเดินทางผ่านเมือง แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนของ X3 xDrive30e M Sport อยู่บริเวณใต้เบาะผู้โดยสารด้านหลังจึงช่วยประหยัดพื้นที่ ในขณะที่ถังน้ำมันตั้งอยู่เหนือบริเวณเพลาหลังของตัวรถ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดคันนี้จึงสามารถบรรจุสัมภาระได้โดยแทบไม่ถูกจำกัดพื้นที่ ด้วยพื้นที่เก็บสัมภาระที่มีความจุถึง 450 ลิตร เทียบได้กับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปรุ่นอื่นๆ และเมื่อพับพนักพิงเบาะหลังแบบ 40:20:40 ก็สามารถเพิ่มความจุได้สูงสุดถึง 1,500 ลิตร เซลล์แบตเตอรี่ความจุรวม 12.0 กิโลวัตต์-ชั่วโมง แบตเตอรี่แรงดันสูงของบีเอ็มดับเบิลยู X3 xDrive30e M Sport ใหม่ จึงมอบทั้งประสิทธิภาพที่โดดเด่นและระยะทางการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วนที่ยาวไกลกว่า จึงใช้ขับขี่เดินทางในแต่ละวันได้โดยปราศจากมลภาวะ แม้จะต้องเดินทางออกนอกเมืองก็ตาม แบตเตอรี่แรงดันสูงชุดนี้รองรับการชาร์จผ่านเต้าเสียบปลั๊กไฟทั่วไปภายในบ้านด้วยอุปกรณ์สายชาร์จมาตรฐาน โดยสามารถชาร์จจนเต็มได้ภายเวลาไม่เกิน 6 ชั่วโมงด้วยวิธีนี้ ในขณะที่การชาร์จแบตเตอรี่ผ่านแท่นชาร์จ BMW i Wallbox จะสามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายในเวลาเพียง 3.5 ชั่วโมง

M Brooklyn Grey metallic สีเทาแสนสวยที่ดูแล้วเข้ากับยุคสมัย  BMW X3 LCI รุ่นปลั๊ก-อิน มาพร้อมอุปกรณ์ตกแต่งหรือแอร์โรพาร์ตภายนอกของ M ทำให้รถเอสยูวีไซส์กลางรุ่นนี้ดูดีขึ้นมาทันตาเห็น รุ่นปรับโฉม LCI หรือ life cycle impulse มักมีเรื่องให้แปลกใจอยู่เสมอ ลูกค้าที่รอซื้อรุ่นปรับโฉม จะได้ของครบๆ แม้ใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนโฉม แต่ออปชันที่ให้มาถือว่าจัดเต็มเอาเรื่อง จุดที่รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงก็คือช่วงล่าง M Suspension ที่ทำให้ไดนามิกของรถดีขึ้น โช้คอัพ สปริง ทำงานได้เร็วกว่าเดิมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในด้านของความสบาย พูดง่ายๆ ก็คือ X3 รุ่น LCI นุ่มขึ้นนิดหน่อย จากการผ่องถ่ายแรงสั่นสะเทือนของช่วงล่างที่ได้รับการปรับจูนใหม่หมด ความนิ่มที่ไม่มากจนเกินไปทำให้ X3 รุ่นนี้ยังคงเข้าออกโค้งได้ดี จังหวะของการถ่ายเทน้ำหนักมีอาการโคลงตัวลดลง ซึ่งทำให้ใช้ความเร็วได้อย่างมั่นใจ มันจัดการกับรอยต่อบริเรณคอสะพาน ตัวกั้นเพื่อลดความเร็วในหมู่บ้าน หรือผิวถนนที่ไม่เรียบได้ดีกว่าเดิม ทำให้การขับทางไกลกลายเป็นความสงบสุขอย่างแท้จริง แม้จะดีไม่เท่ากับรุ่นใหญ่อย่าง  X5 หรือ X7 แต่ X3 LCI คือส่วนผสมที่ลงตัวของรถรุ่นปรับโฉมก่อนที่จะกลายเป็น New X3 ในอีกสองปีข้างหน้านี้ 

X3 เป็นรถครอบครัวที่หลายคนชื่นชอบ และ BMW ก็มีรถอเนกประสงค์ที่ทำกำไรแบบนี้ออกมาขายอย่างต่อเนื่อง หากคุณชอบความสามารถที่หลากหลายของระบบขับเคลื่อน คุณควรจะรู้ว่ามันวิ่งด้วยไฟฟ้าเพียวๆ ไกล 30 กิโลเมตร โดยไม่ปล่อยมลพิษ ระบบจัดสรรพลังงานยังทำหน้าที่ได้ดีเมื่อไฟในแบตฯ เหลือน้อย หากเลือกโหมดสปอร์ต มอเตอร์จะช่วยปั่นไฟเข้าไปเก็บในแบตเตอรี่ได้เร็วขึ้น แต่การลากรอบสูงในโหมดสปอร์ตก็ทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่เหมือนกัน เมื่อไฟเหลือน้อยและเครื่องยนต์เข้ามารับหน้าที่ขับเคลื่อนต่อจากมอเตอร์ไฟฟ้า ขับเรื่อยๆในโหมดไฮบริดที่ความเร็ว 100-110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงกินน้ำมันเฉลี่ย 13.8 กิโลเมตรต่อลิตรซึ่งถือว่าประหยัดพอตัวเมื่อเทียบกับขนาดตัวถังและน้ำหนักรถเฉียดสองตัน จุดเด่นของ X3 xDrive30e ยังอยู่ที่การควบรวมความสามารถของระบบต่างๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างชาญฉลาด เป็น X3 รุ่นสุดท้ายที่น่าใช้มากกว่ารุ่นก่อนปรับโฉมทั้งหน้าตาและอุปกรณ์ที่ BMW Thailand ประดังมาให้ ตัวถังค่อนข้างไปทางใหญ่ทำให้มันมีพื้นที่ส่วนหน้ากว้างขวางมากเกือบจะเท่ากับ X5 เบาะหลังก็นั่งสบายใช้ได้ แม้จะปรับเอนไม่ได้ แต่มีการออกแบบพนักพิง เพื่อเอื้ออำนวยให้นั่งโดยสารทางไกล มีความสบายเนื้อสบายตัวสูสีกับรถรุ่นพี่ที่ใหญ่กว่า สาเหตุที่ลูกค้าของ BMW จำนวนมากเลือกซื้อรถเอสยูวีตราใบพัดก็เพราะขนาดและความอเนกประสงค์ในการใช้งาน แม้จะสูงใหญ่และหนัก แต่การขับของมันก็ยังติดกลิ่นยานยนต์ BMW ในอดีตที่เราคุ้นเคย ทั้งไดนามิกและอุปกรณ์ใช้งานภายใน ความทันสมัยของชุดส่งกำลังพลังงานผสมที่ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิง X3 คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนพอๆ กับ X1 และ X5 เราซื้อเพราะความเป็น BMW ที่ลงตัวและใช้งานได้จริง แม้จะมีค่าซ่อมที่แพงไปหน่อยก็ตาม

เครื่องยนต์ระบบปลั๊ก-อินก็แรงพอประมาณ อยู่ในพิกัดสูงถึง 292 แรงม้า แรงบิดของทั้งสองระบบทำได้ 420 นิวตันเมตร เป็นแรงฉุดลากที่เอาไว้เร่งแซงรถช้าได้อย่างสบายใจไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าจะแซงไม่พ้น การดีดความเร็วในโหมดสปอร์ตนั้นว่องไวเอาเรื่อง พรวดเดียวจาก 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหากไม่ยอมยกคันเร่ง X3 Plug in Hybrid ก็ทะยานไปถึง 200 กิโลเมตรได้อย่างง่ายดาย การทำความเร็วเดินทางในรอบเครื่องยนต์ 2000 รอบต่อนาที ที่ตำแหน่งเกียร์ 8 บนย่านความเร็ว 120-125 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบทำหน้าที่ได้อย่างราบรื่น น้ำหนักตัวเยอะก็จริงแต่ออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้รวดเร็วทันอกทันใจดีมาก ถ้าคุณติดสัญญาณไฟอยู่คันหน้า พอไฟเขียวก็กดพรวดเดียวรถคันหลังจะหายลับไปจากกระจกมองหลังอย่างเร็ว เป็นสิ่งที่อธิบายได้ดีว่าทำไมมันถึงมีราคาเฉียดๆ 4 ล้านบาท X3 รุ่นปรับโฉมยังขับได้ดีและให้ความนุ่มนวลมากกว่ารถคู่แข่งบนผิวถนนที่ขรุขระ ซึ่งแตกต่างไปจากสันดานดิบของ X3 รุ่นที่แล้ว ล้อ M ขอบ 20 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง P ZERO ซึ่งผมไม่ค่อยชอบ อยากได้ยาง Pilot Sport 4 มากกว่า อย่างที่บอกว่า กันสะเทือนที่เซตมาใหม่ ทำให้ X3 30e วิ่งอย่างเนียนบนถนนลาดยาง และวิ่งทางลูกรังได้สบายๆ แต่ก็ต้องระวังหินคมๆ ที่ไม่ค่อยจะถูกโรคกับยางรันแฟลตละครับ

X3 LCI ผสมความแกร่งของโครงสร้างแชสซี เข้ากับความหรูหราสะดวกสบาย กำลัง และพื้นที่ใช้สอยบริเวณเบาะคู่หน้าที่กว้างขวาง จนกลายเป็นยานพาหนะทางเลือก สำหรับคนที่ชอบรถเยอรมันยี่ห้อ BMW ศักยภาพของ X3 30e Plug in Hybrid ครอบคลุมการใช้งานหลายด้าน ผมชอบตรรกะงานออกแบบของดีไซเนอร์ตราใบพัด ที่มองยังไงรูปลักษณ์ของ X3 LCI ก็สื่อให้เห็นถึงความเป็น BMW ยุคใหม่ ทุกกระเบียดนิ้ว หน้าตาดูดุดัน สีตัวถังในวันที่แจ่มใสสวยงามใช้ได้ ภายในมีอุปกรณ์และฟังก์ชันการใช้งานเพียบ แม้แต่ Panoramic Roof ก็กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของผืนหลังคา จอมอนิเตอร์กลางใหญ่ยักษ์พอๆ กับ X6 วิ่งความเร็วต่ำเก็บเสียงได้ดี การเชื่อมต่อต่างๆ ใช้งานง่ายและรวดเร็ว ส่วนระบบสั่งงานด้วยท่าทาง เมื่อไม่กี่วันก่อนได้ไปลองนั่ง Maybach S580 ผมพบว่า ระบบตรวจจับท่าทางของคนขับและผู้โดยสารพร้อมการตอบสนองนั้น มีความชาญฉลาดมากกว่าเดิม ถ้า BMW จะยังคงติดตั้งระบบนี้ต่อไปในรถยนต์รุ่นใหม่ น่าจะใช้ Maybach S580 เป็นต้นแบบในการวิจัยระบบที่ซับซ้อนเหล่านี้ ให้ทำหน้าที่ได้ดีกว่าเดิม 

เพื่อทำให้เห็นข้อแตกต่างอย่างชัดเจน คุณสามารถหยิบยกเอาการขับที่ดีของ X3 LCI ไปเปรียบเทียบกับ Audi Q5 45TFSI / Mercedes-Benz GLC300e และ Lexus NX450h+ ที่แพงแสบไส้ กับ Volvo XC60 T8 ใน NX450h+ ไม่ว่าจะเป็น Premium หรือ F Sport ช่วงล่างขั้นเทพของรถค่ายหัวลูกศรจะทำให้คุณรู้สึกประทับใจและกระเป๋าแหกได้พร้อมกัน ส่วน GLC300e นั้น ทำให้รู้สึกได้ถึงความแรงและความหรูหรามีระดับ สำหรับเจ้าสี่ห่วง Q5 ที่มีชุด Ultra Quattro นั่นคือเทพแห่งการกระจายแรงบิดที่มีไดนามิกโคตรจะสมดุล โดยเฉพาะการขับในโค้ง ส่วน Volvo ถ้าไม่ใช่รุ่น polestar แค่ T8 R Design เดิมๆ คงสู้ยากในด้านสัมผัสของการควบคุม ไม่น่าเชื่อว่า X3 30e รุ่นนี้ จะมีส่วนผสมของรถคู่แข่งอยู่ในตัวมันเองเกือบทั้งหมด เป็นการหลอมรวมมนุษย์กับจักรกลเอสยูวีได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะสไตล์ที่ยังคงแสดงออกถึงความเป็น BMW ขับไปไม่ไกล คุณจะรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่แปลกอะไร ในเมื่อวิศวกรของ BMW ต้องการให้ฟีลลิ่งของมันออกมาแบบนั้นอยู่แล้ว แต่อย่าเอามันไปเทียบกับ Macan แม้จะอยู่ในคลาสเดียวกัน อย่าลืมว่า ราคาของกบเอสยูวีนั้นแรงเกินเอื้อม มากจนเกินไปสำหรับแฟนคลับพันธุ์แท้ BMW.
 
รายละเอียดด้านเทคนิค BMW X3 Xdrive 30e M Sport Plug in Hybrid LCI 2022 

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ
เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,998
กำลังสูงสุด 135 กิโลวัตต์ / 184 แรงม้า/5,000 – 6,500 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร/1,350 – 4,000 รอบต่อนาที
กำลังมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 80 กิโลวัตต์/109 แรงม้า
แรงบิดมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุด 265 นิวตันเมตร
ระยะทางขับเคลื่อนไฟฟ้า 1 , มาตรฐาน NEDC (47 กิโลเมตร) 
ความจุพลังงานแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง (12 กิโลวัตต์ – ชั่วโมง)
กำลังรวมสูงสุด 215 กิโลวัตต์/ 292 แรงม้า
แรงบิดรวมสูงสุด 420 นิวตันเมตร
ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
อัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 6.1 วินาที
อัตราการใช้ไฟฟ้า, มาตรฐาน NEDC 17.92 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย – อ้างอิงผล ECO Sticke 35.7 กิโลเมตร/ลิตร
ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 64 กรัม/กิโลเมตร
ล้อ ล้ออัลลอย M ขนาด 20 นิ้ว
ลาย Double-spoke
ขนาดยาง ล้อหน้า: 8 J x 20 / ยาง 245/45 R20
ล้อหลัง: 9.5 J x 20 / ยาง 275/40 R20 (ยาง Runflat)

มิติรถยนต์ ยาว/กว้าง/สูง (มิลลิเมตร) 4,708 / 1,891 / 1,676 
ปริมาตรในการบรรจุของ  450 – 1,500 ลิตร
น้ำหนักรถสุทธิ 1,990 กิโลกรัม

ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Steptronic พร้อม Gearshift Paddles 

ช่วงล่าง M Sport 
พวงมาลัยไฟฟ้าแปรผันตามการหมุนและความเร็ว 
ระบบควบคุมความเร็วคงที่ พร้อมฟังก์ชันช่วยลดความเร็ว (Cruise Control with braking function) 
ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant) 
ระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง (Performance Control) 
ระบบ BMW Head-up Display
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ (Parking Assistant) 
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus) 
โหมดการขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า (eDrive) 

อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า LED อัจฉริยะ (Adaptive LED) 
โคมไฟหน้าตกแต่งสีดำ (BMW Individual Lights Shadow Line) 
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant) 
คาลิเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport 
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System) 
หลังคากระจก Panorama เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า 
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics 
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เงา
ภายนอกพร้อมชุดแต่งตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เงา 
ราวหลังคาสีดำ เงา

อุปกรณ์ภายใน
กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ 
กระจกมองข้างและกระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ 
เบาะนั่งตอนหน้าปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่งเฉพาะฝั่งคนขับ 
พนักพิงหลังปรับความกว้างได้ 
เบาะนั่งตอนหลังปรับระดับได้ 
เบาะนั่งตอนหน้าดีไซน์ Sport 
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M 
เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M

คอนโซลด้านบนบุด้วยหนัง Sensatec 
ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light) 
เพดานหลังคาภายในสี Anthracite 
ภายในตกแต่งดีไซน์ M ด้วยวัสดุ Carbon Fibre 
 
ม่านบังแดดประตูหลัง 
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน 
ฟังก์ชันช่วยการจัดเก็บสัมภาระ 
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional 
ระบบ BMW ConnectedDrive 
ฟังก์ชันสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control) 
ระบบเครื่องเสียง HiFi loudspeaker 
ระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon 
ระบบเชื่อมต่อ Smartphone 

ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า 
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง) 
ระบบ Teleservices 
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call) 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) 
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC) 
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS) 
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) 
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection) 
ระบบ Active Protection 
ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator) 
ระบบสร้างเสียงจำลอง เตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง 
ระบบปกป้องคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ 
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera) 
ชุดตกแต่งพิเศษ
ชุดตกแต่ง M Sport