ปณิธานของเบนซ์




ค่ายเมอร์เซเดส–เบนซ์ (ประเทศไทย) เรียกเสียงฮือฮาตลาดรถหรูบ้านเรา ด้วยการประกาศลั่นย้ำความมุ่งมั่นในการผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย สู่ก้าวใหม่แห่งอนาคตของยานยนต์ไฟฟ้า

ตั้งใจเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนโลกให้สะอาดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามนโยบายระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี และกลยุทธ์ในการก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวทั่วโลกภายในทศวรรษนี้

เบนซ์ย้ำว่า ที่ผ่านมาได้มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการร่วมขับเคลื่อนยานยนต์สมัยใหม่ในประเทศไทย ภายใต้กรอบแนวคิดเศรษฐกิจสีเขียวและมลพิษต่ำ ด้วยการร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง เพื่อผลักดันทิศทางของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

เบนซ์ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาห กรรมยานยนต์ไทยเป็นที่ยอมรับของนานาชาติ ด้วยเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมของประเทศ

“เราไม่ได้มุ่งเน้นแต่เพียงแค่การขายรถ แต่ยังมองถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศไทยด้วยการลงทุนผลิตรถยนต์และแบตเตอรี่ในประเทศ”

เบนซ์ยังได้ริเริ่มให้มีโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ภายใต้การดูแลของ บริษัท ธนบุรี เอ็นเนอร์ยี่ สตอเรจ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ที่ได้รับอนุญาตจากเมอร์เซเดส-เบนซ์แต่เพียงผู้เดียว

โดยโรงงานแห่งนี้มีความพร้อมในการผลิตแบตเตอรี่ทั้งสำหรับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดรุ่นต่างๆ อาทิ รุ่น C-Class, E-Class และ GLC รวมถึงรุ่น S 580 e ที่เพิ่งเปิดตัวล่าสุด และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์รุ่น EQS ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% คันแรกจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่จะมีการประกอบในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

“โรลันด์ โฟล์เกอร์” ประธานบริหารค่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) แถลงว่า ตามนโยบายระดับโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เราพร้อมเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มตัวภายในทศวรรษนี้เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ปราศจากมลพิษ

“เรากำลังเปลี่ยนจากกลยุทธ์ “ไฟฟ้านำ” (electric first) เป็น “ไฟฟ้าเท่านั้น” (electric only) และนับจากปี 2568 เป็นต้นไป รถยนต์ใหม่ที่เราจะเปิดตัวจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น”

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทย และจะสอดคล้องไปกับแผนบรรเทาสภาวะอากาศระยะยาวของรัฐบาลไทยที่ต้องการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2593 และ 2608 ตามลำดับ

โดยเบนซ์ยังได้เลือกให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 7 ที่ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่และโรงงานประกอบรถยนต์ที่มีอยู่ทั่วโลก

เพราะมั่นใจในศักยภาพของตลาด และเล็งเห็นความสำคัญของการถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมไปถึงการที่เบนซ์มีความตั้งใจที่จะทำงานร่วมกับภาครัฐในการใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นปัจจัยหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ

การตั้งโรงงานประกอบรถยนต์และผลิตแบตเตอรี่ในไทยด้วยมาตรฐานการผลิต โดยเฉพาะมาตรฐานการทดสอบแบตเตอรี่ในระดับสูงสุด จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้เติบโตรุดหน้าตอบรับเทรนด์ e-mobility ของโลก

“ทั้งยังประโยชน์ให้กับทั้งประเทศไทย ซัพพลายเออร์ไทย และคนไทยอย่างต่อเนื่องในอนาคต”

อัลคาโปน
[email protected]