นำหายไล่ลำบาก ฟอร์จูนเนอร์ ทิ้งคู่แข่งลุ่ย เอชอาร์-วี พาฮอนด้านำโด่งยอดขายรถเก๋ง




รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤศจิกายน 2564 จากToyota Motor Thailand  ยังคงชะลอตัวต่อเนื่องในทุกเซกเมนต์ โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้น 71,716 คัน แต่มีอัตราการหดตัวที่ลดลงเหลือ 9.4% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 23,793 คัน ลดลง 6.5% รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ 47,923 คัน ลดลง 10.8% ขณะที่ รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนต์นี้ มีจำนวน 38,550 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ตลาดรถยนต์เดือนพฤศจิกายน 2564 มีปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% โดยตลาดรถยนต์นั่ง มีอัตราการเติบโตลดลง 6.5% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ มีอัตราการเติบโตลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สืบเนื่องจากภาวะการระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ยังคงเกิดขึ้นทั่วประเทศ ส่งผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน ตลอดจนการดำเนินธุรกิจ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจการท่องเที่ยว และบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้ผู้บริโภคยังคงชะลอการตัดสินใจซื้อ และรัดกุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง เพื่อรอจังหวะการใช้จ่ายที่เหมาะสม

ตลาดรถยนต์ในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการประกอบธุรกิจต่างๆ และประชาชนสามารถดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับในสภาวะปกติ ทั้งนี้ยังเป็นการลดผลกระทบด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว โดยสถานการณ์ตลาดรถยนต์จะขยับตัวดีขึ้น สืบเนื่องจากทุกค่ายรถยนต์ต่างแข่งขันกันนำเสนอแคมเปญส่งเสริมการขายในช่วงสิ้นปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 38 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี โดยมีผู้เข้าร่วมงาน 1,151,540 คน และยอดจองรถยนต์ในงาน 31,583 คัน ไม่นับรวมยอดจองรถยนต์ตามโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายทุกยี่ห้อทั่วประเทศ ภายใต้ข้อเสนอพิเศษ “เงื่อนไขเดียวกับมอเตอร์โชว์” เป็นตัวกระตุ้นการตัดสินใจซื้อรถยนต์ของลูกค้าได้อย่างสัมฤทธิ์ผล แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ “โอมิครอน” ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย เป็นปัจจัยลบต่อสถานการณ์ตลาดรถยนต์และสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ต้องจับตามองต่อไป

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤศจิกายน 2564

1. ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 71,716 คัน ลดลง 9.4% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Toyota 23,168 คัน ลดลง 18.1% ส่วนแบ่งตลาด 32.3%
อันดับที่ 2 Isuzu 18,419 คัน ลดลง 4.8% ส่วนแบ่งตลาด 25.7%
อันดับที่ 3 Honda 8,624 คัน ลดลง 3.2% ส่วนแบ่งตลาด 12.0%

ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 23,793 คัน ลดลง 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Honda 8,062 คัน เพิ่มขึ้น 9.3% ส่วนแบ่งตลาด 33.9%
อันดับที่ 2 Toyota 6,304 คัน ลดลง 15.0% ส่วนแบ่งตลาด 26.5%
อันดับที่ 3 Suzuki 2,242 คัน เพิ่มขึ้น 1.8% ส่วนแบ่งตลาด 9.4%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 47,923 คัน ลดลง 10.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 18,419 คัน เพิ่มขึ้น 4.8% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 2 Toyota 16,864 คัน ลดลง 19.2% ส่วนแบ่งตลาด 35.2%
อันดับที่ 3 Ford 2,859 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 6.0%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
(Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 38,550 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 16,956 คัน เพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนแบ่งตลาด 44.0%
อันดับที่ 2 Toyota 14,888 คัน ลดลง 14.0% ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 Ford 2,859 คัน ลดลง 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.4%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง PPV SUV
(ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 5,410 คัน
อันดับที่ 1 Toyota Fortuner 2,338 คัน 
อันดับที่2 Isuzu MU-X 1,734 คัน 
อันดับที่ 3 Mitsubishi Pajero Sport 651 คัน 
อันดับที่ 4 Ford Everest 482 คัน 
อันดับที่ 5 Nissan Terra 205 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 33,140 คัน ลดลง 11.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu D-MAX 15,222 คัน ลดลง 1.6% ส่วนแบ่งตลาด 45.9%
อันดับที่ 2 Toyota Hilux REVO 12,550 คัน ลดลง 13.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.9%
อันดับที่ 3 Ford Ranger 2,377 คัน เพิ่มขึ้น 16.3% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2564

ตลาดรถยนต์รวม
ปริมาณการขาย 668,109 คัน ลดลง 2.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Toyota 212,573 คัน เพิ่มขึ้น 0.7% ส่วนแบ่งตลาด 31.8%
อันดับที่ 2 Isuzu 165,359 คัน เพิ่มขึ้น 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 24.8%
อันดับที่ 3 Honda 77,136 คัน ลดลง 7.0% ส่วนแบ่งตลาด 11.5%

ตลาดรถยนต์นั่ง
ปริมาณการขาย 219,883 คัน ลดลง 7.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Honda 68,123 คัน ลดลง 1.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.0%
อันดับที่ 2 Toyota 55,056 คัน ลดลง 7.2% ส่วนแบ่งตลาด 25.0%
อันดับที่ 3 Mazda 18,603 คัน ลดลง 12.9% ส่วนแบ่งตลาด 8.5%

ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์
ปริมาณการขาย 448,226 คัน ลดลง 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 157,517 คัน เพิ่มขึ้น 3.8% ส่วนแบ่งตลาด 35.1%
อันดับที่ 2 Toyota 165,359 คัน เพิ่มขึ้น 4.5% ส่วนแบ่งตลาด 36.9%
อันดับที่ 3 Ford 28,212 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 6.3%

ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
(Pure Pick up และรถกระบะดัดแปลง PPV*)
ปริมาณการขาย 350,691 คัน ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu 150,272 คัน เพิ่มขึ้น 2.3% ส่วนแบ่งตลาด 42.9%
อันดับที่ 2 Toyota 134,768 คัน เพิ่มขึ้น 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 38.4%
อันดับที่ 3 Ford 28,212 คัน เพิ่มขึ้น 11.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.0%

ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง PPV SUV
(ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน) 45,744 คัน
อันดับที่ 1 Toyota Fortuner 20,403 คัน 
อันดับที่ 2 Isuzu MU-X 14,449 คัน 
อันดับที่ 3 Mitsubishi Pajero Sport 5,747 คัน
อันดับที่ 4 Ford Everest 4,318 คัน
อันดับที่ 5 Nissan Terra 827 คัน

ตลาดรถกระบะ Pure Pick up
ปริมาณการขาย 304,947 คัน ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อันดับที่ 1 Isuzu D-MAX 135,823 คัน ลดลง 4.1% ส่วนแบ่งตลาด 44.5%
อันดับที่ 2 Toyota Hilux REVO 114,365 คัน เพิ่มขึ้น 1.7% ส่วนแบ่งตลาด 37.5%
อันดับที่ 3 Ford Ranger 23,894 คัน เพิ่มขึ้น 15.0% ส่วนแบ่งตลาด 7.8%

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail [email protected]
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/