ชีวิตที่นำธรรมะและพระเครื่อง มาผสาน ของ สุรินทร์ โกรพินธานนท์




สนามพระวิภาวดี อาทิตย์นี้ เป็นวันพระใหญ่ วันวิสาขบูชา พอดี ซึ่งสหประชาชาติ กำหนดให้เป็นวันสำคัญระดับนานาชาติ ของพุทธศาสนิกชนทุกนิกายทั่วโลก เพราะเกิด 3 เหตุการณ์สำคัญที่สุด ในศาสนาพุทธ คือ การประสูติ ตรัสรู้ ปรินิพพาน ของ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทีมงาน สีกาอ่าง จึงเปิด สนามพระวิภาวดีพิเศษ เสนอ โครงการ “พลิกฟื้นคืนพุทธสุวรรณภูมิสู่พุทธภูมิ” ของ มูลนิธิพุทธะมหาเมตตา โดยมี พระกากัน มาลิค อดีตดาราบอลลีวูด ที่รับบท เจ้าชายสิทธัตถะ จากหนังดัง Sri Sid dhartha Gautama ซึ่งได้รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม ในเทศกาลภาพยนตร์ World Bhuddhist Film ขององค์การสหประชาชาติ

เมื่อวันที่ 10 กุมภา พันธ์ 2565 กากัน ซึ่งมีศรัทธาในพระพุทธ ศาสนาอย่างสูง ได้มาอุปสมบทที่เมืองไทย โดยได้รับเมตตาจาก พระราชวรญาณโสภณ เจ้าอาวาสวัดธาตุทอง พระอารามหลวง เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายา “อโสโก” (ผู้ไร้ซึ่งความโศก) และอนุญาตให้ พระกากัน ก่อตั้ง มูลนิธิไตรรัตนภูมิ เพื่อทำกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาเผยแผ่และฟื้นฟูพระพุทธศาสนาทั่วโลก โดยขอรับบริจาคพระพุทธรูปจากคนไทย 84,000 องค์ ไปมอบให้ชาวพุทธในอินเดีย เพื่อพลิกฟื้นพระพุทธศาสนา ในดินแดนต้นกำเนิด ให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง โดยมีเครือข่ายสหายธรรม ฐิติรัตน์ เฮงสกุล ว่าที่ร้อยเอกณัฏฐกิตติ์ ชัยเฉลิมมงคล ร่วมดำเนินโครงการ พร้อมด้วยกำลังสำคัญอีกหนึ่ง คือ สุรินทร์ โกรพินธานนท์ ซึ่งปวารณาตัวสืบทอดพระพุทธศาสนากันทั้งครอบครัว โดย คุณสุรินทร์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจใหญ่ เป็นนักปฏิบัติธรรม และเป็นนักสะสมพระเครื่อง ได้นำความศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนามาผสมผสานดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นสุข–สนามพระวิภาวดีพิเศษ จึงนำเรื่องราวของ “พุทธมามกะ” คนสำคัญ มาเป็นแนวทางเพื่อนำไปสู่ชีวิตที่เต็มไปด้วยความปีติเหมือนเช่น คุณรินทร์ ในทุกวันนี้

คุณสุรินทร์ เกิดในครอบครัวคนจีนฐานะดี คุณพ่อ ดร.พิชัย โกรพินธานนท์ คือผู้ก่อตั้ง บริษัท กรุงเทพค้าข้าว ในปีที่ คุณรินทร์ เกิด และกิจการส่งออกข้าว ก็เจริญมาตลอด ส่วน คุณแม่อรพินท์ ก็เป็นแม่บ้านดูแลลูกๆ ทั้ง 6 คน แต่เพราะเป็นลูกชายคนโต จึงถูกตามใจมาก ตอนเด็กและวัยรุ่น จึงสร้างประสบการณ์ทางลบมากพอสมควร มีเรื่องทะเลาะวิวาท จนต้องเปลี่ยนโรงเรียนบ่อย (มาก) และยังแข่งรถมีอุบัติเหตุ ทำให้พ่อแม่กลุ้มตลอด พอเข้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ถึงเริ่มคิดได้ (บ้าง) จึงเรียนจบ และไปต่อโท MBA ที่ University of Bridgeport สหรัฐฯ และกลับมาช่วยครอบครัว พอธุรกิจมั่นคง คุณรินทร์ ก็หาความรู้เพิ่มเติมที่ สถาบันพระปกเกล้า และวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ซึ่งได้มุมมองกว้างขึ้น ทำให้มีโอกาสเข้าไปช่วยสังคม เป็นรองเลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

แต่ต่อมา ได้ขยายธุรกิจไปทำ คลังน้ำมัน ท่าเทียบเรือ และซื้อขาย ปิโตรเคมี ซึ่งตอนนั้น อายุยังไม่ถึง 45 แต่ คุณรินทร์ มีธุรกิจมูลค่าพันล้านแล้ว แต่ก็ได้พบว่า ไม่มีอะไรอยู่กับเราถาวร เพราะถูกโกง จนเงินพันล้านหายวับ ทำให้ คุณรินทร์ ต้องประคองสภาพจิตใจ และต่อสู้คดีมาหลายปี จนชนะ โดยมีกำลังใจจากภรรยา คุณเนตริกา และลูกๆ วรินทร์-ธานนท์-อาเล็ก ซึ่งตั้งใจเรียน ช่วงเวลานั้น ทำให้ คุณรินทร์ ซึ่งรับภาระหนัก จนเป็นคนฉุนเฉียวใจร้อน ขี้โมโห วางอำนาจ บงการครอบครัว ชอบชวนทะเลาะ จึงได้เห็นว่า ความสุขอยู่รอบตัวจากครอบครัวนี่เอง เพราะลูก 2 คนโต เข้า BBA สาขาการเงิน ของจุฬาฯ ได้ ส่วนคนเล็ก ก็กำลังจะจบ Shrewsbury International School จึงทำให้ทุกข์ของ คุณรินทร์ ค่อยๆ หมดไป พร้อมๆกับเริ่มคล้อยตามภรรยาที่พยายามชวนไปวัด ซึ่งก่อนนี้เคยคิดว่า ทำบุญหยอดตู้ และเช่าวัตถุมงคล คือดีที่สุดแล้ว จะได้บุญติดตัว และชีวิตจะดีขึ้นแล้ว–จนภรรยาชวนทำบุญปล่อยโค ที่ สถานปฏิบัติธรรมพุทธะมหาเมตตา เชียงรากน้อย อยุธยา ด้วยความเกรงใจ จึงตอบรับไปด้วย

พอปล่อยโคเสร็จ ทางสำนักมีการปฏิบัติธรรมครึ่งวัน คุณรินทร์ จึงตกกระไดพลอยโจนเพราะภรรยาอยากอยู่ จึงได้ปฏิบัติธรรมครั้งแรก ทั้งที่ไม่เคยคิดจะปฏิบัติธรรมมาก่อนเลย และได้รู้จัก หลวงพ่อกิตติเชษฐ์ สิริวฑฺฒโก แต่ยังกิเลสหนามาก จึงไม่เข้าใจธรรมะที่ท่านสอน จนภรรยาคะยั้นคะยอให้ไปปฏิบัติธรรมอีกครั้ง แบบเต็มวัน คุณรินทร์ จึงพบปาฏิหาริย์ เพราะสัมผัสรับรู้ได้ถึงพลังเมตตา และจิตใจที่อ่อนโยน หลังจากนั้น จึงเริ่มถือศีล 5 และทานมังสวิรัติ ฝึกกำหนดสติ มาจนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 3 ปี ซึ่งทำให้ความเจ้าอารมณ์หายไปด้วย เพราะได้ธรรมะมาขัดเกลาชีวิต มุมมองการใช้ชีวิตเปลี่ยนไป ตามกฎแห่งแรงดึงดูดเข้าหาสิ่งดี ทำให้สิ่งดีๆตามมา ชีวิตเวลานี้ จึงทำงานรับใช้พระพุทธศาสนา เป็นกรรมการวัดธาตุทอง รับใช้พระอุปัชฌาย์ พระเดชพระคุณ พระราชวรญาณโสภณ และ พระครูวินัยธร กิตติเชษฐ์ เจ้าอาวาสวัดพุทธเมตตาบุญญานุภาพ และประธานมูลนิธิพุทธะมหาเมตตา ธรรมสถาน ช่วยให้พระที่มาปฏิบัติธรรมหลายร้อยรูป เป็นกองทัพธรรม ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นกุศลในวงกว้างต่อไป

นอกจากมีธรรมะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวให้ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ คุณรินทร์ ยังมี พระเครื่องที่สะสมมาตั้งแต่เด็กๆ องค์แรกที่ได้มาคือ เหรียญเจ้าคุณนรฯ โดยเพื่อนรักสมัยนั้น (แอบ) หยิบจากหิ้งพระพ่อมาให้ เพราะเห็น คุณรินทร์ ศรัทธาเรื่องพลังแห่งพุทธคุณของพระเครื่อง และพบว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของสูง ต้องมีวาสนาต่อกันถึงจะได้ครอบครองบูชา เคยฝันเห็นพระเกจิ หลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือมอบพระให้ พอตื่น คุณรินทร์ จึงไปตามหาพระเครื่องของท่าน และพบว่าพระที่มา ก็บรรจุอยู่ในกล่องเหมือนที่เห็นในฝัน และก็ได้พบกับปาฏิหาริย์หลายครั้ง จากพระเกจิหลายรูป เช่น หลวงพ่อโอภาสี

แต่ในการสะสมพระ คุณรินทร์ ก็ไม่พ้นถูกลองถูกหลอก โดนพระเก๊เป็นบทเรียน โชคดีที่ต่อมา ได้เพื่อนดี คือ เฮียตี้เล่า ท่าพระจันทร์ ให้คำปรึกษาในการเก็บพระถูกอย่างถูกทาง คุณรินทร์ จึงได้พระองค์แรกจากคุณพ่อ พระสมเด็จจิตรลดา และภายหลังจะได้ขอแบ่งจากรังใหญ่ของผู้ใหญ่ที่เคารพมาอีกองค์ ซึ่งตอน วปอ.รุ่น 2553 จัดประกวดพระ ได้ส่งเข้าประกวด และได้รางวัลที่ 1 มาชื่นชม ทำให้ยิ่งชอบพระ ส่วน พระสมเด็จบางขุนพรหม พิมพ์ฐานคู่ เห็นครั้งแรกก็รู้สึกว่าชอบ ผิวพระสะอาดตา พิมพ์คมชัด ดูง่าย ประทับใจมีแรงดึงดูด จึงนิมนต์ท่านทันที แล้วส่งประกวดก็ได้รางวัลที่ 1 อีก

องค์ถัดมาเป็น พระผงสุพรรณพิมพ์หน้าแก่ กรุวัดพระศรี รัตนมหาธาตุ ที่พอมีหน้ามีตา แม้จะมีอายุหลายร้อยปี เป็นพระที่อยากได้มาตั้งแต่เด็กๆ เพราะเป็นคนห้าว จึงอยากมีพระสายบู๊ แต่ก็ไม่เคยได้พบของจริง จึงต้องตามเช่าจากงานประกวดพระ เอาพระที่ติดรางวัล ซึ่งพบว่าแบบนี้สบายใจกว่า องค์สุดท้ายเป็น พระนางพญาพิมพ์สังฆาฏิ กรุพิษณุโลก อายุกว่า 400 ปี เนื้อพระดูง่าย สบายตา องค์นี้ได้มาแบบฟลุกๆ จากรุ่นน้องที่โรงเรียนเทพศิรินทร์ ซึ่งอยู่ๆก็ติดต่อมา ทำให้ได้พระองค์นี้มาอยู่ในครอบครอง ซึ่งบางครั้ง คุณรินทร์ เชื่อว่า พระท่านก็เลือกคนเหมือนกัน

ชีวิตของ คุณรินทร์ ซึ่งอยู่แบบมีธรรมะ จึงยังคงแสวงหาพระเครื่องไปด้วย เพราะสิ่งที่ได้จากการสะสมพระก็คือได้ศึกษาศิลปวัฒนธรรมของคนต่างยุค ต่างถิ่นกำเนิด เช่น ดินที่นำมาทำพระทางภาคเหนือ กับดินที่ทำพระทางภาคกลาง หรือภาคอีสานก็มีสภาพแตกต่างกัน ทั้งวรรณะสีหรือสภาพทางกายภาพ หรือพระที่สร้างในระหว่างสงครามกับพระที่สร้างหลังจากสงคราม ใบหน้าก็จะต่างกัน การสะสมพระจึงช่วยให้ เป็นคนละเอียดรอบคอบ มีสมาธิดี ถ้าสะสมพระของพระเกจิ ก็จะได้ศึกษาประวัติของพระเกจิ และได้เรียนรู้ธรรมะที่ท่านได้สอนด้วย และการนำธรรมะนั้นมาใช้ในชีวิตก็เกิดประโยชน์สูงสุดเช่นเดียวกัน–และการสะสมพระถือเป็นการลงทุนชนิดหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ราคาพระเครื่องมีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าการลงทุนหลายชนิด หากสะสมถูกทาง

3 ปีที่ปฏิบัติธรรมควบคู่กับสะสมพระ คุณรินทร์ จึงมองการทำบุญ ว่า การไปวัดเอาเงินหยอดตู้ถวายปัจจัย ก็ถือว่าเป็นการทำบุญชนิดหนึ่ง เป็นบุญส่วนตัวใครทำ ใครได้ แต่ การให้ธรรมะเป็นทาน หรือ บำเพ็ญบุญ ช่วยพระพุทธศาสนา ถือเป็นการทำบุญที่ยิ่งใหญ่กว่า เพราะต้องใช้ทั้งกำลังกาย กำลังทรัพย์ สติปัญญา ความเมตตา ความอดทน จึงสามารถช่วยคนหมู่มากได้–จิตใจที่ให้ย่อมเป็นสุข บุญมหาชนแบบนี้ หากทำได้ย่อมถือว่าได้ทำหน้าที่เป็นพุทธศาสนิกชนแล้ว เจ้าค่ะอามิตตพุทธ.

สีกาอ่าง